พาไปดูเรื่องราวสมรภูมิอีคอมเมิร์ซไทยที่แข่งขันกันดุเดือดมาก ชนิดที่ว่าแลกกันแบบหมัดต่อหมัด หนึ่งในนั้น คือ LINE Shopping ที่ปี 2563 นี้ ชูธงรบปรับทัพหวังเขย่าบัลลังก์ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งโซเชียลคอมเมิร์ซ
ช่วงที่ โควิด-19 ยังระบาดอยู่ได้เกิดการเปลี่ยนต่าง ๆ ขึ้นมากมายในหลากหลายมิติ ทั้งทั่วโลก และในประเทศไทย เรื่องนี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ ความเป็นอยู่ และพฤติ กรรมของคนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ก็ด่างผลกระทบทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นในช่วงปี 2563 นี้ บางธุรกิจโดดเด่นเป็นดาวรุ่งขึ้นมาทันที ที่เห็นได้ชัดเจน คือ อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ที่นักช้อปยุคใหม่หันมาซื้อสินค้า และบริการผ่านทางออนไลน์มากขึ้น
พอสมรภูมิรบตลาดอีคอมเมิร์ซเริ่มระอุก็แน่นอนอยู่แล้วว่าแต่ละค่ายจะขนทัพกลยุทธ์งัดมาสู้กันแบบจัดหนักจัดเต็มเพื่อดูดลูกค้าให้มากที่สุดและชิงเค้กก้อนโตมูลค่าหลายแสนล้านกันแบบอุตลุดหนึ่งในนั้นที่เปิดเกมสู้กับค่ายอื่นๆในตลาดอีคอมเมิร์ซ คือ LINE Shopping แม้ว่าจะเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมาแต่ก็ได้งัดกลยุทธ์ต่าง ๆ ออกมาแบบสู้ๆ เพื่อชิงเค้กก้อนโตบนตลาดอีคอมเมิร์ซ
วันนี้จะพาไปคุยกับ นายเลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ไลน์ ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า LINE Shopping กำลัง ปรับแพลตฟอร์มเน้นตอบโจทย์โซเชียลคอมเมิร์ซ หลังเห็นแนวโน้มร้านค้าปิดการขายได้เร็ว และง่ายที่สุด โดยเฉพาะร้านค้าที่เปิดใน MyShop กว่า 50,000 ราย ประเดิมด้วยการไลฟ์ขายของ “LINE SHOPPING x TUES LIVE”
ทั้งนี้ไลน์ได้ปรับกลยุทธ์ “ไลน์ ช้อปปิ้ง (LINE SHOPPING) โดยมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มให้กลายเป็นแหล่งรวบรวมร้านค้าโซเชียลที่เปิดร้านด้วย มายช้อป (MyShop) เพื่อตอบโจทย์3 แกนหลักของโซเชียลคอมเมิร์ซ คือ 1. เอนเตอร์เทนเมนท์ ด้วยคอนเทนท์ที่สนุกความบันเทิง สร้างประสบการณ์ช้อปเอนเตอร์เทนด้วย “LINE SHOPPING x TUES LIVE” รายการวาไรตี้บวกไลฟ์คอมเมิร์ซที่มีการขายสินค้าหลากหลายในราคาจับต้องได้ พร้อมแขกรับเชิญจากหลากหลายวงการร่วมสร้างความสนุกแบบครบรส
2. เอนเกจเมนท์ นักช้อปสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ขายได้ทุกเมื่อ 3.คอมเมิร์ซด้วยการซื้อขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลที่ง่ายและสะดวกรวดเร็ว โฉมใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการซื้อและการขายให้กับร้านค้าทุกขนาด ทั้งร้านค้ารายย่อย หรือแบรนด์ใหญ่ ก็มีโอกาสในการขายสินค้าและบริการลูกค้าได้อย่างเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตามจะนำเอาจุดแข็งของไลน์อีโคซิสเต็มที่สามารถเข้าถึงคนไทยกว่า 47 ล้านคน พร้อมด้วยบริการและฟีเจอร์ที่ตอบรับกับความต้องการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเข้ามาร่วมเสริมศักยภาพโซเชียลคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นการทักแชทสอบถาม เครื่องมือปิดการขายในแชท การสร้างแคทตาล็อคสินค้า การซื้อสินค้าและชำระเงินด้วยแรบบิทไลน์เพย์ บัตรเครดิต และช่องทางอื่น ๆ ที่หลากหลาย ในอนาคตไลน์แมนจะเข้ามาเติมเต็มการบริการส่งของด้วย
ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผู้ใช้งานไลน์ชอปปิงกว่า 3 ล้านรายต่อเดือน ช่วงครึ่งปีแรกยอดเข้าชมเติบโตเกือบ 200% จำนวนคำสั่งซื้อโต 44% มูลค่ายอดขาย(จีเอ็มวี) เพิ่มขึ้น 95% ขณะที่ร้านค้าบนไลน์มายช้อปบนเดสก์ท็อป มีจำนวน 5 หมื่นร้านค้า และจากนี้จะขยายเพิ่มไปที่ช่องทางโมบาย ซึ่งคาดว่าจะยิ่งเพิ่มจำนวนร้านค้าเข้ามาได้มากขึ้น
สำหรับความคาดหวังว่าการบริการมายช้อปบนโมบายจะพร้อมให้บริการได้ปลายปีนี้ และบริการได้เต็มรูปแบบภายในต้นปี 2564 การขยายฐานลูกค้า เน้นการโฟกัสที่ชัดเจนด้วยการขายเฉพาะสินค้าจากมายช้อปมากกว่านั้นเพิ่มความบันเทิงและพยายามทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างร้านค้าและผู้บริโภคที่มากขึ้น ปัจจุบันสินค้าขายดี คือ กลุ่มแฟชั่น ความงาม รวมถึงอาหารที่ไม่เน่าเสียสามารถจัดส่งได้ทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยจำนวนคำสั่งซื้อต่อหนึ่งออเดอร์อยู่ที่พันกว่าบาท
นอกจากนี้ไลน์ ยังเผยอีกว่า เป้าหมายธุรกิจปีนี้โฟกัสการส่งมอบบริการ และสร้างการรับรู้เพื่อให้ผู้ค้าและผู้บริโภคเข้ามาใช้งานมากขึ้น ตั้งเป้าไว้ว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2566 โดยจุดยืนของไลน์คือแพลตฟอร์มและมีเดียที่เข้าไปช่วยสนับสนุนด้านการตลาด รวมถึงเครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับการซื้อขายบนโซเชียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร ส่วนด้านฟูลฟิลเมนท์ผู้ค้าจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
สุดท้ายนี้อยาดจะบอกว่าไลน์มีความมั่นใจว่าขณะนี้มีเครื่องมือที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ดังนั้นงานที่สำคัญคือการนำเสนอเพื่อให้ตรงใจกับผู้ใช้งานมากขึ้น โดยจุดเด่นของไลน์ชอปปิงคือการมีคอนเวอชั่นเรทที่สูง ใช้งานง่าย ครอบคลุมฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยได้ทำแผน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564- 2566 ตั้งเป้าหมายเพื่อให้คนซื้อ คนขาย เข้ามาอยู่เป็นที่เป็นทางและจบในที่เดียว ผ่านเครื่องมืออำนวยความสะดวก