รู้หรือไม่ว่าธุรกิจไหนบ้างที่เติบโต รับวันคนโสด ?

วันนี้ 11 เดือน 11 นอกจากมีโปรโมชั่นขายของที่ร้อนแรงมาล่อตาล่อใจนักช้อปทั้งหลายแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่า ?  วันนี้ยังเป็นวันคนโสดอีกด้วยนะ ซึ่ง“วันคนโสด” เป็นวันพิเศษที่เกิดขึ้นในยุค 90 ที่ประเทศจีน เริ่มต้นจากกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เหล่าคนโสดจะมาร่วมเฉลิมฉลองกัน จนเป็นเทศกาลแพร่หลายไปในวงกว้างนานวันเข้าก็กลายเป็นวันคนโสดแห่งชาติไปในที่สุด

หากจะพูดเรื่องคนโสดปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญในการทำการตลาดของเหล่าแบรนด์สินค้าต่าง ๆ และนักการตลาดที่มุ่งเน้นผลิตสินค้าพร้อมทำการตลาดเจาะกลุ่มคนโสดมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และยังมีช่องว่างในตลาดให้เข้าไปเจาะถือได้ว่าเป็นเค้กก้อนโตที่เหล่าแบรนด์ต่าง ๆ จะเข้าไปแย่งชิงกัน ซึ่งปัจจุบัน “การตลาดคนเหงา” เป็นเทรนด์มาร์เก็ตติ้งที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ จากแนวโน้มประชากรคนเหงาที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น

วันนี้ “สปริงนิวส์ออนไลน์” จะพาไปดูว่าพฤติกรรมของตลาดนี้กันว่าเป็นอย่างไร และมีธุรกิจไหนบ้างที่เป็นดาวเด่นที่จะเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนโสด โดยสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้ศึกษาพบว่า ตลาดคนเหงาในประเทศไทยมีจำนวน 26.75 ล้านคน หรือสัดส่วน 40.4% ของประชากรไทย แบ่งเป็น แอบเหงา 23.6% , เหงาจนชิน 14.5% และเหงาจับใจ 2.3% 

.

จากการสำรวจยังพบอีกว่า คนที่เหงาน้อยจะมีรายได้มาก ส่วนกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท สัดส่วน 46.3% บอกว่าเป็นคนเหงา เพราะไม่มีเงินพอเที่ยวนอกบ้าน หรือช้อปปิ้ง เพราะมีค่าใช้จ่ายทั้งค่าคอนโด ผ่อนรถ และเก็บเงิน

ในส่วนของกิจกรรมที่คนโสดชื่นชอบ มี 3 กิจกรรม คือคนเหงามีการใช้โซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชื่นชอบรับประทานอาหารในร้านอาหาร หรือคาเฟ่ รวมถึงการช้อปปิ้ง เป็นการตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ได้ดีเพราะช่วยลดความเครียด

จากพฤติกรรม และไลฟ์สไตล์ของคนโสดที่กล่าวมาข้างต้นทำให้มีการสำรวจพบว่ากลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตรองรับคนกลุ่มนี้มีดังนี้ 1. ธุรกิจคอมมิวนิตี้ ร้านอาหาร คาเฟ่ บอร์ดเกมส์  2. ธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซ 3.ธุรกิจดิจิทัล แอปพลิเคชัน ออนไลน์แพลตฟอร์ม เทคโนโลยีสารสนเทศ 4. ธุรกิจท่องเที่ยว

ดังนั้นนักการตลาด และเจ้าของแบรนด์สินค้าจะต้องเข้าใจแนวทางการออกแบบกลยุทธ์ และวิธีการสื่อสาร ที่ให้ตรงกับอินไซต์ของคนกลุ่มนี้เพื่อเพิ่มโอกาสพัฒนาธุรกิจให้แตกต่างจากตลาด รองรับความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อย่างเช่น สร้างบรรยากาศรอบตัว เพราะกลุ่มคนเหงาจะต้องการคนเข้าใจและไม่อยากรู้สึกว่าอยู่เดียวดาย ดังนั้นธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร ต้องรู้จักใช้พื้นที่พิเศษสำหรับคนเหงา

.

ขณะเดียวกันการสื่อสารจะต้องทำให้เหมือนเพื่อน สร้างกิจกรรมปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายผ่านโซเชียลมีเดีย ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารที่เป็นมิตรเหมือนเป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา นอกจากนี้จะต้องส่งเสริมกิจกรรมร่วม สร้างสรรค์คอนเทนต์ ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกิจกรรมการตลาด ที่แตกต่างจากตลาดเดียวกัน เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ และจับกลุ่มรวมตัวขึ้น สร้างเป็นชุมชนพิเศษ เพื่อทำให้เกิดการบอกต่อ

ประการสุดท้าย คือ จะต้องไม่ลืมกลุ่มคนเหงา นักการตลาดต้องไม่ลืมการส่งเสริมการตลาดพิเศษ รองรับกลุ่มคนเหงา เช่น โปรโมชั่นพิเศษช่วงฤดูกาล หรือเทศกาลต่าง ๆ สำหรับคนเดียว ไม่ใช่จัดเฉพาะโปรโมชั่นลูกค้าเป็นกลุ่มเท่านั้น  นอกจากจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้แล้ว ยังทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกไม่ถูกทอดทิ้ง

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของคนโสด ในวันคนโสด ที่ทั้งนักการตลาด และเจ้าของแบรนด์สินค้าเฝ้าจับตามองว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจที่จะทำการตลาดไปเจาะกลุ่มนี้ที่มีกำลังซื้อสูง