ย้อนรอย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังประกาศลาออกแล้ว ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ระบุว่าเพื่อเข้ารับการรักษาอาการป่วยเรื้อรัง
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเมืองคือการบรรลุผล” “ผมได้ทำทุกอย่าง พี่สามารถจะทำได้เพื่อบรรลุผลในช่วงเจ็ดปีแปดเดือนที่ผ่านมา”
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว เอ็นเอชเค ของญี่ปุ่นรายงาน อ้างคำสัมภาษณ์ของ ฮิโรชิเกะ เซโกะ สมาชิกอาวุโสของพรรคแกนนำรัฐบาล แอลดีพี ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ได้แสดงความจำนงค์ที่จะลาออกต่อเจ้าหน้าที่พรรค และสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลว่าได้รับแจ้งถึงความต้องการจากอาเบะเช่นเดียวกัน
ตลาดหุ้นของญี่ปุ่นตอบรับข่าวนี้ในทางลบทันที ดัชนีนิกเคอิร่วงลงถึง 2 เปอร์เซ็นต์
วันจันทร์ที่ผ่านมา อาเบะได้เข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ เขาป่วยด้วยโรคลำไส้ใหญ่อักเสบซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ทำให้เขาลาออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2007 หลังเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 1 ปี
อาเบะได้รับเลือกตั้งอรกครั้งในปี 2012 และชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นในปี 2017 และปี 2019
เมื่ออาเบะได้รับเลือกตั้งในปี 2012 อาเบะได้เริ่มนโยบาย อาเบะโนมิกส์ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งแผนกระคุ้นการเงินครั้งใหญ่ การเพิ่มงบประมาณรัฐบาล และปฏิรูปโครงสร้าง
“ญี่ปุ่นจะไม่เหมือนญี่ปุ่นในอดีตอีกต่อไป” อาเบะกล่าวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความสำเร็จของนโยบายอาเบะโนมิกส์คือการหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอย มากกว่าที่จะเป็นการทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู และแม้จะเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงมีความเปราะบางตลอดช่วงรัฐบาลอาเบะ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกระทบหนักจากวิกฤตโควิด 19 ปีนี้ ปัจจัยใหญ่คือปัญหาจำนวนประชากรสูงอายุที่มีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรมีอายุมากกว่า 65 ปี และปี 2019 ยังเป็นปีที่ญี่ปุ่นทำสถิติประชากรเกิดใหม่ต่ำสุด
การที่ประชากรศาสตร์ถดถอย หมายความว่ากลุ่มประชากรที่เป็นวัยทำงานลดลง
นอกจากนี้ รัฐบาลอาเบะยังไม่ยอมผ่อนคลายระเบียบคนเข้าเมืองที่เข้มงวด ที่จะเป็นส่วนมาช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนได้
นโยบายการทูต
นโยบายการทูตของอาเบะนับได้ว่ามีทั้งที่ประสบความสำเร็จและมีทั้งที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ เขาสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรดั้งเดิมของญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำสหรัฐประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาเบะเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่เดินทางเข้าพบทรัมป์ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ระบุว่าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำคนใหม่ อาเบะยังสนับสนุนจะโยบายแข็งกร้าวที่สหรัฐมีต่อเกาหลีเหนือ ความสัมพันธ์ของอาเบะกับทรัมป์ เชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ญี่ปุ่นไม่ต้องเผชิญสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ด้านความสัมพันธ์กับจีน อาเบะได้ยกหูโทรศัพท์คุยกับผู้นำจีน สีจิ้นผิง ในปี 2018 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ
หนึ่งในความสำเร็จในสายตาชาวญี่ปุ่น คือการได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2020 แต่ความสำเร็จนั้นก็ต้องถูกวิกฤติไวรัสโคโรนาพับโครงการไป และต้องเลื่อนออกไปจัดในปี 2021
อาเบะเกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายนปี 1954 ในกรุงโตเกียวในครอบครัวที่มีความสำคัญทางการเมืองญี่ปุ่น เคยมีคนในครอบครัวถึงส่งคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน และพ่อของเขาก็เคยเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศ
อาเบะศึกษาด้านการเมืองที่มหาวิทยาลัยเซกิในกรุงโตเกียวและไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนียเค้าเริ่มเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี 1993 เมื่ออายุได้สาม 38 ปี
อาเบะได้รับเลือกตั้งถึงเจ็ดครั้ง และดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีอีกหลายครั้ง จนเขากลายเป็นเลขาธิการของพรรคแอลดีพีในปี 2003 ก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น