เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว ไม่ขอทนในฐานะผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 4 ครั้งในชีวิตจากคนใกล้ตัว บอกถึงเวลาที่ผู้ถือกฎหมายต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เปิ้ล ไอริณ สาวเซ็กซี่อันดับต้นๆ ของวงการบันเทิงเปิดใจกับ ทีมข่าวสปริงนิวส์ ในประเด็นเคยตกเป็นหนึ่งใน "ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ" จากคนใกล้ตัวในช่วงวัยเด็ก เหตุการณ์เหล่านี้ได้สร้างบาดแผลกลายเป็นปมชีวิตที่ไม่สามารถลืมได้แม้วันเวลาจะผ่านไป แต่ปัจุบันสังคมไทยกับมีสถิติเด็กและผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้น เรื่องนี้จึงทำให้ เปิ้ล ไอริณ ทนเห็นและอยู่เฉยไม่ได้และมองว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องรีบจัดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เหตุผลที่อยากออกมาพูดว่าเคยเป็น "ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ"
"เรื่องมันเกิดขึ้นในชีวิตเปิ้ลตั้งแต่เปิ้ลเด็กๆ เปิ้ลเองเคยตั้งใจว่าวันนึงหากเปิ้ลเป็นผู้ที่สามารถพูดในที่ชุมชนได้เปิ้ลจะต้องพูดเรื่องนี้ เปิ้ลเป็นคนที่เคยโดนละเมิดทางเพศ แต่ที่มาบอกเพราะว่าเราฝันว่าวันนึงเราจะมีบทบาทในการแก้ปรับกฎหมายเพื่อไม่ให้เด็กหรือเยาวชนต้องมาโดนแบบเปิ้ล เพราะเปิ้ลรู้ว่ามันรู้สึกยังไง มันทำให้เหมือนเป็นปมชีวิตเปิ้ล มันมีเอฟเฟ็กต์ถึงชีวิตเราจากตัณหาของคนไม่กี่นาทีแต่เอฟเฟ็กต์เราไปชั่วชีวิตจริงๆ เรารู้เราต้องทนทุกทรมาณกับเรื่องนี้มาพอแล้ว แล้วเราก็ไม่อยากให้ใครเป็นแบบเราค่ะ"
จำฝังใจ 4 ครั้ง ในชีวิตที่ถูก "ล่วงละเมิดทางเพศ"
"ครั้งแรกเนี่ยเปิ้ลโดนตอนนั้นเปิ้ลอายุแค่ 2 ขวบ คุณแม่ส่งไปอยู่กับคุณป้าที่เป็นครู เราก็มีแม่นมคนนึงชื่อป้าเพ็ญแล้วแกก็จะมีลูกชายอยู่คนนึงซึ่งเป็นวัยรุ่น เปิ้ลจำได้เลยเหมือนแบบมีคนมาสะกิด สะกิดเราก็ลุกขึ้นเราก็ลืมตาขึ้น พอลืมตาเราเห็นเขาเหมือนกับเขาโชว์อวัยวะเพศ ความรู้สึกแรกคือเรามองแล้วเรารู้สึกตกใจ แล้วเราก็แบบว่าคือเด็กมากจนเราไม่รู้ว่าคืออะไร ความรู้สึกมันไม่รู้จะทำยังไงมันคือต้องทนอยู่กับตรงนั้นอ่ะ แต่ว่าเราบอกกับตัวเองว่าเช้าอยากให้เช้าแล้วอยากให้เช้าอะไรอย่างเนี่ยค่ะ"
"ครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนที่คุณยายเปิ้ลพาไปเที่ยวที่บ้านเพื่อน แล้วก็มีคุณตาสามีของเพื่อนคุณยาย เขาเรียกเราเหมือนเราอยู่ในห้องรับแขกเรียกเราเข้าไปในห้องตอนนั้นอายุประมาณ 7-8 ขวบ พอเราเข้าไปในห้องปุ๊บก็เหมือนกับเขาเปิดกระโปรงเราขึ้นแล้วเขาก็ถอดกางเกงในเรา จำได้แล้วเขาเหมือนมีการแตะต้องตัวเรา เราก็รู้สึกตกใจแย่มาก แล้วก็เราก็เลยวิ่งออกไปข้างนอกพอวิ่งออกมาข้างนอกคุณยายก็ไม่รู้ ตาก็เรียกอีกแล้วบอกไปหาตาสิลูกในใจเราเหมือนปวดร้าวมากเลยแล้วเราก็บอกใครไม่ได้"
"ครั้งที่สามหลังจากคุณป้าเปิ้ลเสียเปิ้ลย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณยายกับคุณตา ที่นั้นก็จะมีน้าสาวและก็น้าเขยด้วย ตอนนั้นเปิ้ลอายุเปิ้ลว่าเปิ้ลน่าจะแค่อายุ 15 ประมาณดึกๆ เปิ้ลได้ยินเสียงเคะประตูเปิ้ลก็เปิดประตู พอเปิ้ลเปิดประตูปุ๊บน้าเขยเขาก็พุ่งเข้ามาหาเรา แต่ตอนที่เขาพุ่งเขามาหน้าเขาแดงแล้วก็เหม็นเหล้าคลุ้งเลย เราก็ตกใจเราก็ผลักเขาและเสร็จแล้วเขาก็เลยออกไปนอกห้อง วันรุ่งขึ้นเปิ้ลก็เลยเล่าให้ยายฟังเป็นครั้งแรกที่เปิ้ลเรา แต่พอเล่าให้ยายฟังเปิ้ลได้รับคำตอบจากน้าว่าไปมึงอ่อยเขาหรือเปล่า หลังจากนั้นเปิ้ลเลยกลายจากเด็กที่แบบร่าเริงสดใส เปิ้ลเลยกลายเป็นเด็กที่เงียบ เป็นเด็กที่ระวังตัว"
"สามครั้งนี้ยังไม่กระทบเท่าครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายเป็นเหตุที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเปิ้ลเองเปิ้ลคุณแม่แต่งงานกับเจ้าของโรงสีที่อีสาน ช่วงปิดเทอมแม่เขาก็พาเปิ้ลไปที่บ้านนี้ และบังเอิญแม่มีเรื่องด่วนมาก แม่ก็เลยกลับกรุงเทพช่วงนั้น ก็เลยทิ้งเอาไว้ ปรากฎว่าตอนดึกเราหลับสนิทอยู่แล้วก็มีคนมาเปิดพาห่มที่เรานอน แล้วแต่เราดิ้น เราสู้ สู้สุดทั้งถีบทั้งตบทั้งข่วนและสักพักนึงเหมือนกับเขารู้ตัวเขาก็ออกไปจากห้อง"
"เปิ้ลก็เลยหนีมาอยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพ แล้วพอเปิ้ลหนีมาสิ่งที่มันแย่ที่สุดก็คือ ผู้ชายคนเนี่ยเขาบอกกับแม่ว่าเปิ้ลหนีมาโดยขโมยเงินมาเป็นแสนเลยและก็ขโมยปืนมาด้วยกระบอกนึง เกิดมาไม่เคยจับปืนเลยอ่ะ ตอนนั้นก็เด็กแค่ 16 ขโมยมันไม่ได้คิดขโมยอย่างนั้นเขาบอกว่าถ้าเจอปุ๊บจับเขาบ้านเมตตาไปเลยนะ ไม่ต้องเอามาเลยนะคือเขาคงไม่อยากให้เปิ้ลออกมาพูดอะไรเท่านั้นเอง"
แต่งตัวเซ็กซี่ไม่ใช่เหตุจูงใจในการ "ถูกล่วงละเมิดทางเพศ"
"เท่าที่เปิ้ลทราบมาแล้วก็จิตแพทย์เล่า และเปิ้ลก็เข้าใจถึงผู้กระทำด้วย คือผู้กระทำเนี่ยทำไมต้องเป็นผู้ชายไทย จริงๆ คุณจะมาโทษผู้หญิงที่เซ็กซี่อย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องโทษยูทูป ทอล์กโชว์ต่างๆ ที่ผู้หญิงข่มผู้ชาย การที่ผู้หญิงแสดงอำนาจเหนือผู้ชายตลอดตามยูทูปคู่ทั้งหลาย ผู้หญิงตบหัวผู้ชายบ้าง ด่าด้วยคำหยาบต่างๆ บ้าง เนี่ยแหละค่ะมันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายต้องการที่จะข่มขู่คุกคามเยาวชนและเด็กผู้หญิงที่มีอำนาจน้อยกว่า อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นเข้าใจและเปิ้ลคิดว่ามันไม่ใช่เฉพาะแต่งตัวเซ็กซี่ ถ้าย้อนกลับไปอีกทีนึงชั่วโมงที่เปิ้ลโดนล่วงละเมิดทางเพศ เปิ้ลไม่เคยแต่งตัวเซ็กซี่เลย จะมาโทษว่าเพราะคุณแต่งตัวเซ็กซี่แล้วคุณไม่รับผิดชอบสังคมมันไม่ใช่ค่ะ"
โพสต์ข้อความถึง ส.ส.คนดังไม่ได้ทำเพื่อเกาะกระแส
"เราไม่ได้มีความอยากจะโจมตีเขา หรืออยากสร้างกระแสอะไร เราแค่อยากอธิบายในมุมของเราในฐานะตัวอย่างผู้ที่เคยถูกกระทำ แต่ว่าเปิ้ลมีจุดประสงค์เพื่อที่ว่าจะได้ปรับแก้กฎหมายและทำให้ผู้ชายซึ่งเป็นผู้เขียนกฎหมายนี้ขึ้นมาได้มีแง่คิดและมุมมองมากขึ้น ว่ามันไม่ใช่การละเมิดทางเพศแล้วมันจบคดีแล้วแค่นั้น จริงๆ แล้วมันมีสิ่งที่ผู้หญิงจะต้องรับกรรม จะต้องแบกปมและก็เป็นภาระในเรื่องของจิตใจแล้วจนกระทั่งกระทบกระเทือนถึงครอบครัวในอนาคตเลยค่ะทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนึงเลยค่ะ"
"เปิ้ลฝากไปถึงคุณปารีณาแล้วกันค่ะ ขอร้องเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้หญิงคนนึง เขามีโอกาสเป็นถึงตัวแทนผู้หญิงคนนึงแล้ว หยุดเอาเวลามาแบบทะเลาะกัน เปิ้ลว่าคุณควรจะภูมิใจในตัวเองแล้วคุณเอาตรงเนี่ยเดินหน้าไปเลย จับมือร่วมกันไปเลยทั้งคุณปารีณาทั้งพี่บุ๋ม เปิ้ลเองไม่ขอได้หน้าไม่ขออะไรทั้งสิ้น แต่เปิ้ลเชื่อว่าถ้าเผื่อแบบเราเปลี่ยนเอนเนอร์จี้ เราเปลี่ยนพลังงานจากการที่จะต้องมานั่งแบบถกเถียงกันไปถกเถียงกันมาแล้วทะเลาะกันไปถกเถียงกันมาคือเราเบี่ยงเบนประเด็นอยู่"
"ประเด็นคือตอนนี้มีเด็กที่กำลังร้องไห้ตอนกลางคืนอยู่ เขาโดนข่มขืนอยู่มันเป็นอะไรที่แบบคุณต้องรีบแก้ ไม่ใช่เวลาที่ผู้ใหญ่จะมานั่งทะเลาะกันแบบเด็กๆ คุณไม่โตอ่ะ ทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้วอ่ะค่ะ ตั้งหน้าตั้งทำให้มันจริงจัง ทำให้แบบมีชื่อเสียงในตระกูลไปเลยคุณสามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายการละเมิดได้ให้มันเด็ดขาดและมันไม่เกิดเรื่องนี้ในสังคมได้อีก เพื่อที่จะให้เด็กและผู้หญิงที่จะต้องไปเป็นเหยื่อกับกลายเป็นคนที่เป็นบุคลากรที่มีความสามารถที่มันยิ่งใหญ่มาพัฒนาประเทศได้ ไม่ใช่ว่าให้เขาอยู่จมกับกองปม จมอยู่กับความเลวร้ายในชีวิตค่ะ"
https://www.youtube.com/watch?v=rVJ-x-4z5IU&feature=youtu.be