ผู้ว่าฯ สั่งการอ.เชียงใหม่ เร่งหามาตรการควบคุมไฟป่า หลังพบจุดฮอทสปอต สูงถึง 57 จุด เป็นอันดับ 1 ของจังหวัด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการสนับสนุนอากาศยานเข้าช่วยดับไฟ ขณะที่ค่า PM2.5 อ.เชียงดาวสูงถึง 191 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่นอภ.เชียงดาว ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านห้ามเผาเด็ดขาด ระบุพื้นที่ไฟป่าส่วนใหญ่บนเขาสูงชัน ร้องขออากาศยานแล้ว คาดว่าจะสามารถเข้าช่วยได้วันนี้
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับรายงานจุดความร้อนจากดาวเทียมระบบเวียร์ส รอบเช้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าเกิดจุด Hotspot จำนวน 221 จุด ในพื้นที่ 18 อำเภอ 45 ตำบล เป็นพื้นที่เกษตรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 14 จุด โดยเกิดที่อำเภอเชียงดาวรวม 57 จุด โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว เกิดไฟป่า จำนวน 33 จุด ถือว่ามากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และยังมีการลุกลามเป็นวงกว้าง จึงได้ให้นายอำเภอเชียงดาวเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการยับยั้งโดยด่วน และขอให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานให้ทราบเป็นระยะด้วย
ขณะเดียวกัน ได้ประสานขอสนับสนุนอากาศยานจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองทัพอากาศ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามาช่วยดับไฟในพื้นที่บนเขาสูงชันที่กำลังภาคพื้นดินเข้าไปดับไม่ได้ นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานกับกองทัพภาคที่ 3 ขอสนับสนุนกำลังพล บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และจิตอาสาในพื้นที่ ตั้งจุดเฝ้าระวังผู้ที่จะเข้าไปหาของป่าตามมาตรการปิดป่า และใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมทั้งนำกำลังออกลาดตระเวน เพื่อเป็นการป้องกันและป้องปรามการเกิดไฟป่าในเขตป่าอนุรักษ์และป่าสงวน ตลอดจน การลงพื้นที่เข้าไปในหมู่บ้านเป้าหมายที่เกิดจุดความร้อนซ้ำซากอีกด้วย
สำหรับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดพบผู้กระทำความผิดจำนวน 166 ราย แยกเป็นสาธารณสุข 17 ราย ป่าไม้ 93 ราย จราจร 56 ราย เปรียบเทียบปรับ 66 ราย เป็นเงิน 29,100 บาท แยกเป็นสาธารณสุข 12,600 บาท จราจร 16,500 บาท แจ้งความดำเนินคดี 100 ราย แยกเป็นสาธารณสุข 7 ราย ป่าไม้ 93ราย ไม่มีตัว 93 ราย แยกเป็นสาธารณสุข 2 ราย ป่าไม้ 91 ราย โดยได้กำชับให้ทุกพื้นที่นำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด
ด้านนายชัชวาลย์ พุทธโธ นายอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อวางมาตรการในการควบคุมพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเข้าดับไฟในพื้นที่ที่สามารถเดินเท้าเข้าถึง พร้อมทั้งจัดกำลังเฝ้าระวังไม่ให้มีการลุกลามไปจุด อื่น ขณะเดียวกันได้ร้องของอากาศยานเข้าดับไฟในพื้นที่เขาสูงชันที่ไม่สามารถเดินเท้าเข้าดับไฟได้ ซึ่งมีอยู่หลายจุด แต่เนื่องจากอากาศยานที่จังหวัดมีอยู่ยังติดภารกิจอื่น คาดว่าภายในวันนี้อาจจะเข้ามาช่วยในพื้นที่ได้ นอกจากนั้นได้จัดเจ้าหน้าที่ตั้งจุดเฝ้าระวังห้ามชาวบ้านเข้าไปหาของป่าอย่างเด็ดขาด รวมทั้งนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด
ทั้งนี้การเกิดจุความร้อนในพื้นที่ต.แม่นพ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่เป็นจำนวนมากนั้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้กำหนดไว้ให้ชาวบ้านกำจัดเชื้อเพลิงในช่วงเวลา 1-10 มีนาคม 2563 แต่สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดจึงออกมาตรการห้ามเผาเด็ดขาดในทุกพื้นที่ ทำให้พื้นที่เกษตรของตำบลเมืองนะ ยังไม่ได้ทำการกำจัดเชื้อเพลิง ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่ฟังมาตรการที่กำหนดออกมา และลักลอบเผาในช่วงกลางคืน เพื่อที่หลบเลี่ยงการถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเร่งเข้าทำความเข้าใจกับชาวบ้านเป็นการเร่งด่วน
สำหรับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตรวจสอบจากแอพพลิเคชั่น AirCMI เมื่อเวลา 11.30 น. จากเครื่องตรวจคุณภาพอากาศที่บริเวณ รพ.สต.อรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วัดได้ 191 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งลดลงมาเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่ค่า PM2.5 สูงกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งนอกจากปัจจัยในพื้นที่ที่เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กจากไฟป่าแล้ว ยังปัจจัยจากฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ถูกลมพัดมาจากประทศเพื่อนบ้านและพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ค่าฝุ่นละอองในพื้นที่พุ่งสูงขึ้น