svasdssvasds

เถ้าแก่น้อย บุกตลาดคนรักสุขภาพ ชูธง ‘ซูเปอร์แสน็ค’ รายแรกของประเทศไทย

เถ้าแก่น้อย บุกตลาดคนรักสุขภาพ ชูธง ‘ซูเปอร์แสน็ค’ รายแรกของประเทศไทย

เมื่อผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นจนกลายเป็นเมกะเทรนด์ เถ้าแก่น้อยจึงผุดโปรเจกต์ Super Snacks ลุยตลาดรายแรกของประเทศไทย

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้งจำกัด (มหาชน) เผยถึงการปรับทิศทางธุรกิจและการขยายกลุ่มสินค้าเพิ่มเติมว่า จากเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะที่เมืองไทยแต่เป็นเมกะเทรนด์ของผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ โดยในปีที่ผ่านมามีสินค้าใหม่ที่เกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มมากขึ้น รวมถึงตลาดขนมขบเคี้ยวด้วย

โดยสาหร่าย ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู๊ด เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่คัดสรรมาจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 มีแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด รวมทั้งเป็นหนึ่งในเทรนด์ซูเปอร์ฟู๊ดยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก

เถ้าแก่น้อย ในฐานะเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดขนมขบเคี้ยวสาหร่าย จึงได้กำหนดทิศทางการพัฒนาสินค้า โดยปรับพอร์ตกลุ่มสินค้าใหม่พร้อมสร้างตลาด “Super Snacks” รายแรกของประเทศไทย เพื่อให้ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

 

กลุ่มสินค้า “ซูเปอร์แสน็ค” ของเถ้าแก่น้อย จะมีสินค้าหลัก 3 segments ดังนี้

1. Premium Snack สินค้าหลักที่สำคัญ อาทิ เทมปูระไข่เค็ม, ทินเท็นไข่เค็ม ที่คัดสรรวัตถุดิบมาจากธรรมชาติจริง

2. Plant Base Snack ชูธงด้วย สาหร่ายที่ถูกนำไปแปรรูปในรูปแบบต่างๆ อาทิ สาหร่ายทอด, อบย่าง, สาหร่ายเทมปูระ และในอนาคตกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอีกหลากหลายประเภท เป็นต้น

3. Protein Snack สินค้าที่เปิดตัวสู่ตลาดและได้รับความนิยม ได้แก่ ปลาแผ่นปรุงรสทินเท็น, ปลาม้วนปรุงรสทินเท็น โรล์ การปรับพอร์ตสินค้าในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดพันธกิจของบริษัทที่จะก้าวสู่บริษัทนวัตกรรมสร้างความสุขให้ผู้บริโภคทั่วโลก ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

เมื่อทุกคนเริ่มมองหาอาหารที่มาจากธรรมชาติ เพื่อสุขภาพของตัวเองและเพื่อสิ่งแวดล้อม จึงกลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดของโลก โดยวัตถุดิบหลักพื้นฐานของบริษัทฯ คือ สาหร่าย ซึ่งถือเป็น Super Foods และเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นเเหล่งโปรตีนจากพืชและยังให้เเร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด

 

สินค้ากลุ่มแรกที่ออกมาสร้างตลาดในกลุ่มซูเปอร์แสน็ค (Super Snacks) ในปี 2563 คือ เถ้าแก่น้อยกู้ดเดย์ (Good Day) สุดยอดของขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มี 2 รสชาติ รสคลาสสิค ซี ซอล์ท และรสเผ็ด ซีซอลท์ สูตรลดเกลือ 50% จากสูตรปกติ ใช้น้ำมันรำข้าวและไม่ใส่ผงชูรส ตามสโลแกน “โซเดียมต่ำ ทุกคำอร่อย” ซึ่งแม้จะออกมาเป็นสูตรสุขภาพ แต่เถ้าแก่น้อยยังคงรักษามาตรฐานความอร่อยและความสนุกในการกินได้เป็นอย่างดี โดยเน้นจับกลุ่มเป้าหมาย เป็นคนวัยทำงานที่รักสุขภาพ อายุตั้งแต่ 21-35 ปี สำหรับการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ New Categories สินค้ากู้ดเดย์ (Good Day) โดยนำเสนอผ่าน Music Marketing เอ็มวีเพลง “Good Day-สิ่งดีดีทุกวัน”

 

 

 

นอกจากกลุ่มสินค้า ซูเปอร์แสน็ค (Super Snack) เถ้าแก่น้อยเตรียมสร้างความคึกคักให้ตลาดในนช่วงต้นปีแล้ว ยังมีสินค้ากลุ่ม “Non Seaweed” ซึ่งถือเป็นอีก 1 ในเป้าหมายหลักปี 2563 อีกด้วย

 

 

อิทธิพัทธ์ ยังกล่าวเสริมว่า ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2562 รายได้รวมในตลาดสูงถึง 38,000 ล้านบาท ซึ่ง 2 ใน 3 ของการชิงส่วนแบ่งการตลาด คือ ตลาดมันฝรั่งที่ 32.2% และ ตลาดขนมขึ้นรูปที่ 27.4%

 

 

เถ้าแก่น้อย จึงวางทิศทางการดำเนินงานในการขยายฐานลูกค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็น Non Seaweed มาก และปีนี้เรามีแผนลุยตลาดขนมขึ้นรูป (Extruded Snacks) อย่างจริงจัง โดยจับมือร่วมกับเจ้าแห่งขนมขบเคี้ยวอันดับ 1 ในประเทศเกาหลี โอริออน กรุ๊ป (Orion Group) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว มานานกว่า 70 ปี อิมพอร์ตขนมข้าวโพดกรอบยอดนิยม ตราโคบุค (Kobuk) ส่งตรงถึงเมืองไทย โดยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของโคบุค คือ เป็นขนมข้าวโพดกรอบ 4 ชั้น ให้ความกรอบเต็มคำที่มาในรสชาติซุปข้าวโพด สูตรต้นตำรับเกาหลี โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ คนทั่วไปอายุ 15-30 ปี ที่ชอบทานแสน็คและลองสิ่งใหม่

 

 

เทรนด์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องคอยตื่นตัวและหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทัน เถ้าแก่น้อยมองว่า ทั้งเทรนด์รักสุขภาพ และการได้ทานขนมขบเคี้ยวที่อร่อยถูกใจ จัดเป็นหนึ่งในนิยามของคำว่า Healthy Living เป็นมาตรฐานการใช้ชีวิตที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีและมีความสมดุลทั้งกายและใจ ช่วยลดความเครียด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

 

 

ทั้งนี้ จากภาพรวมตลาดสาหร่าย ปี 2562 ซึ่งมียอดรวมอยู่ที่ 2,929 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกกลุ่มสินค้าทอดและอบมีสัดส่วนยอดขายที่ลดลง และมาตีตื้นในกลุ่มสินค้าใหม่ประเภทสาหร่ายย่าง อาทิ BigRoll และ เทมปูระ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตถึง 18.7% และ 82.7% ตามลำดับ

 

 

related