ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
หลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่อง ไวรัสโคโรนา มาในระยะหนึ่ง จะสังเกตเห็นได้ว่ามีการคาดการจากทางแพทย์ของจีนว่า "มีความเป็นไปได้สูงที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ อาจจะมีที่มาจากค้างคาว"
ประชาชนหลายคนอาจกำลังสงสัยว่าออกมาเตือนภัยเรื่องห้ามกินค้างคาวทำไม มันเป็นสัตว์ที่คนไม่สามารถกินได้อยู่แล้วหรือเปล่า แต่ถ้าย้อนดูดี ๆ ไม่ใช่แค่ที่จีนที่กำลังกินค้างคาวอยู่ ณ ตอนนี้ ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อนคนไทยก็เคยมีความเชื่อว่ากินค้างคาวแล้วจะแก้หนาวได้
เรื่องนี้เป็นการโพสต์เตือนของ หมอแล็บแพนด้า ในแฟนเพจเฟซบุ๊ก โดยระบุไว้ว่า "ใครบอกว่าความเชื่อส่วนบุคคลไม่เคยทำร้ายใคร ตอนนี้ไม่ใช่แล้วนะเพราะมีการติดโรคและแพร่เชื้อจนมีคนตาย และลามมาถึงจังหวัดนครปฐมแล้ว"
โดย หมอแล็บแพนด้า ตั้งข้อสงสัยและสรุปออกมาเป็นข้อให้อ่านง่ายดังนี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่นักวิชาการสงสัยว่าจะมาจากค้างคาว เพราะ DNA เหมือนกับที่เคยเจอในค้างคาวถึง 87% มีทั้งการวิจัยยืนยันว่าตรวจเจอไวรัสถึง 60 ชนิด จากค้างคาวทั่วโรค ซึ่งมีหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคในคนได้ด้วย เช่น ไวรัสตระกูลโรคพิษสุนัขบ้า, ไวรัสอีโบล่า, ไวรัสซาร์, ไวรัสนิปาห์ และล่าสุดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่นก็น่าสงสัยว่ามาจากค้างคาว
เพราะค้างคาวเมื่อติดเชื้อไวรัสจะไม่มีการแสดงอาการอะไรทั้งสิ้น ไวรัสบางตัวอาจจะทำให้ค้างคาวป่วยหนักจนตาย หรือบางตัวอาจจะหายจากการป่วยแต่ยังมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวพร้อมแพร่เชื้อต่อไปได้ ถึงการนำค้างคาวมาประกอบอาหารปรุงสุกจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่คนเราอาจจะมีโอกาสติดเชื้อได้ตั้งแต่ขั้นตอนการชำแหละก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะเชื้อไวรัสมีการสระสมอยู่ทั้งในกระแสเลือด น้ำลาย และเครื่องใน
การกินค้างคาวนั้นมีความนิยมมาจากช่วงทางใต้ของจีน เพราะชาวจีนหลายคนเชื่อว่าการกินเนื้อค้างคาวจะช่วยรักษาอาการโรคหืด, โรคไต และอาการเจ็บป่วยทั่วไป รวมไปถึงนิยมกินเนื้อค้างคาวเป็นเมนูเปิปพิสดารด้วย นอกจากนั้นยังมีการเอาขี้ค้างคาวมาทำเป็นยาแผนโบราณ บ้างก็เชื่อว่าเลือดของค้างคาวจะช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันกลับการเป็นตัวการของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง
สุดท้ายนี้ การกินค้างคาวหรือเมนูพิสดาร นอกจากจะไม่ช่วยรักษาโรคตามความเชื่อแล้ว ยังกลายมาเป็นการติดเชื้อไวรัสกันทั่วโลก จากคนสู่คน แถมเชื้อไวรัสตัวนี้ยังกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูล หมอแล็บแพนด้า