ผู้การ ปคบ.ส่งทีมสืบสวนลงพื้นที่หาดใหญ่ ล่าตัวคนร้ายที่แอบอ้างเป็นตำรวจ ปคบ.เรียกเก็บผลประโยชน์ผู้ค้าน้ำมันบรรจุขวด เผยนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกอ้างชื่อหน่วยงานหาผลประโยชน์ก่อนหน้านี้เคยจับดำเนินคดีไปแล้ว
ความคืบหน้ากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ชัยยส ศิริมงคล พ่อค้าน้ำมันขวดโพสคลิปวีดีโอ พร้อมระบุว่าถูกชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ “ผู้กอง” บุกเรียกเก็บเงินถึงหน้าร้านค้า ถามไม่ได้ความเรียกเก็บค่าอะไร ระบุว่า “กูขายน้ำมันขวดวัน20ขวดผิดก็จับตามกติกากำหนดแต่จะให้กูจ่ายรัยพวกมึงละไปหาที่อื่นในเมื่อมือพวกมึงไม่สะอาดก็อย่าคิดผ่าตัดสังคม ผู้กองเขาฉลาดกว่ามึงเห็นมั้ยมึงนะโชคร้ายที่เจอคนแบบกู”
ทันทีที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ในโลกสังคมออนไลน์มีผู้มาเข้าดูจำนวนมาก และทำให้สังคมตั้งคำถามว่าชายที่ปรากฏในคลิปเป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่
ล่าสุดทีมข่าวสปริงนิวส์ สอบถามไปยัง พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ทราบว่าหลังจากสื่อมวลชนและสังคมออนไลน์ เผยแพร่คลิปวีดีโอ ทางตำรวจ ปคบ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงทันที ซึ่งจากการตรวจสอบคลิปวิดีโอพบว่ากลุ่มชายดังกล่าวไม่น่าจะใช่ตำรวจจริง แต่เพื่อความโปร่งใส พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ได้สั่งการให้ทีมสืบสวนพร้อมพนักงานสอบสวนเดินทางไปยังจังหวัดสงขลาเพื่อสอบปากคำผู้เสียหายพี่เป็นคนถ่ายคลิป หากผลการสอบปากคำพบว่าการกระทำของกลุ่มชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจปคบ.เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ก็จะอำนวยความสะดวกนำผู้เสียหายไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน
จากการสอบถามผู้เสียหายทำให้ตำรวจได้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2562 แต่ในครั้งนั้นเจ้าของคลิปไม่ได้นำออกมาเผยแพร่จนกระทั่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เสียหายคนเดิมถูกคนอ้างตัวเป็นนักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่งขับรถติดสัญญาณไซเรนคล้ายรถเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาขอเงินสนับสนุนการจัดกิจกรรมทำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ไว้เป็นหลักฐานแต่เมื่อกลับมาจากแจ้งความผู้เสียหายได้นำคลิปที่บันทึกไว้ออกเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ จนทำให้สังคมเข้าใจผิดคิดว่ากลุ่มชายดังกล่าวเป็นตำรวจ ปคบ.
นอกจากนี้ทาง บก.ปคบ.ยังได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่ปรากฏในภาพ ในข้อหาแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน และแอบอ้างชื่อหน่วยงานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
มีรายงานข่าวแจ้งว่าทีมสืบสวน ปคบ.ได้แกะรอยกลุ่มคนร้ายพบว่าทะเบียนรถที่คนร้ายนำมาสวมใส่รถยนต์ มิตซูบิชิ สีขาว มีผู้ครอบครองอยู่ในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ทางชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่บ้านพัก พบว่าไม่มีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน และจากการสอบถามเพื่อนบ้านก็ทราบว่าชายดังกล่าวไม่ค่อยกลับมาพักที่บ้านหลังนี้ตำรวจจึงพยายามเร่งหาตัวชายที่เป็นผู้ครอบครองรถเพื่อสอบถามว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่
พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ยังกล่าวอีกว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจ ปคบ. ถูกแอบอ้างชื่อไปเรียกรับผลประโยชน์ เพราะเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาตำรวจ ปคบ.จับผู้ต้องหาที่แอบอ้างหน่วยงาน ไปขู่กรรโชกทรัพย์เจ้าของร้านขายเหล็กเส้นมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงอยากฝากเตือนประชาชนหากใครทำธุรกิจที่ต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หากต้องการทำธุรกิจบางประเภทที่ตัองมีกฎหมายควบคุมเฉพาะ สามารถขอคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ เช่น สคบ.,สมอ.หรือ อย.หรือสอบถามมายัง บก.ปคบ.ได้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่มวิชาชีพอาศัยข้อกฎหมายไปขู่กรรโชกทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์