ห่วงต่างชาติกว่า 4หมื่นคนหนีเข้าไทย กบดานรอเวลาก่ออาชญากรรม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. เปิดเผยว่า ได้สนธิกำลังตำรวจท่องเที่ยว , ตำรวจ 191 , บช.ปส.สตม. , กองพิสูจน์หลักฐาน , หน่วยอรินทราช 26 หน่วยรบพิเศษสยบไพรี บช.ปส.และเจ้าหน้าที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ เข้าปิดล้อมตรวจค้นตามยุทธการแบล็คอีเกิ้ล ครั้งที่ 15 ปิดล้อมตรวจค้น 36 จุดทั่วกรุงเทพ โดยจุดที่น่าสนใจ ภายในคอนโดมิเนียม แห่งหนึ่งย่านพระราม9 มีถึง 26 จุด เป็นการบุกค้นห้องพักที่คาดว่าจะเป็นแหล่งพักพิงของกลุ่มคนผิวสี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้พักอาศัยและนิติบุคคลว่า มีคนผิวสีเข้ามาอาศัยจำนวนมาก ก่อความเดือดร้อน

โดยในครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 14 ราย ในฐานความผิดอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฏหมายกำหนด 5 ราย เป็นชาวยูกันดา 1 ราย เซเนกัล 1 ราย แอฟริกาใต้ 1 ราย และไนจีเรีย 2 ราย นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง 9 ราย เป็นชาวยูกันดา 8 ราย ไนจีเรีย 1 ราย นอกจากนี้ได้เชิญตัวมาทำประวัติอีก 17 ราย

ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยวได้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างคนผิวสีตามยุทธการแบล็คอีเกิ้ลปราบปรามกลุ่มคนผิวสีที่อาจจะเข้ามาก่ออาชญากรรม ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่า ในขณะนี้ ประเทศไทยมีคนที่หลบหนีเข้าเมือง และอยู่เกินใบอนุญาต หรือโอเวอร์สเตย์มากกว่า 40,000 คน แม้ที่ผ่านมา บุคคลเหล่านี้ จะเคยก่อคดี แต่กลับไม่ถูกผลักดันออกนอกประเทศ ซ้ำร้ายยังกลับมาก่อคดีอาชญากรรมอีก ดังนั้นการได้กวดขันจับกุม ส่วนหนึ่งก็เป็นการป้องกันอาชญากรรม ด้วยการเก็บรวบรวมประวัติไว้ในฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากเกิดเหตุในอนาคตนั่นเอง