ทฤษฎี One Night Miracle อาจจะไม่คุ้นมากนักสำหรับคนที่มี Work life Balance ยอดเยี่ยม แต่สำหรับสายปั่นงานโต้รุ่ง GEN Z ที่ต้องอ่านหนังสือถึงเช้า จะคุ้นเคยดี เพราะนี้คือ ปาฏิหาริย์ที่ (หวังให้) เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน
เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้บ้าง ที่มองนาฬิกาแล้วเห็นว่ามันก็ดึกมากแล้ว แต่หน้าจอคอมยังสว่าง งานยังไม่คืบหน้าเลย ไม่ว่ายังไงงานนี้ก็คงต้องโต้รุ่งยันเช้าแล้วแหละ เพราะ deadline มันคือวันพรุ่งนี้!! แต่จะทำยังไงให้มีแรงทำงานได้ทั้งคืน สปีดไม่ตก โดยที่ร่างกายก็ไม่พังด้วย แค่อัดกาแฟอย่างเดียวก็คงไม่ช่วย
One night miracle เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากเพียงคืนเดียวหรือการทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จในคืนเดียว
One-night หมายถึงหนึ่งคืนหรือภายในหนึ่งคืน และ Miracle หมายถึง ปาฏิหาริย์ที่(หวังว่า)จะเกิดขึ้น ซึ่งหลายๆคนก็คงจะคุ้นเคยกันตั้งแต่วัยเรียนมหาวิทยาลัยที่พยายามอดหลับอดนอนใช้เวลาทั้งคืนทำงานส่งอาจารย์ หรือวัยทำงานที่อัดกาแฟเข้าไปอย่างเต็มที่เพื่อปั่นงานให้ทันเพราะ deadline มันคือพรุ่งนี้เช้าแล้ว
ได้จริง แต่ไม่ควรทำบ่อย เพราะอย่างที่เคยพูดถึงวงจรการนอนไปแล้วใน (https://www.springnews.co.th/lifestyle/work-balance/843129) ว่า ชีวิตของเรามีนาฬิกาที่เดินตามจังหวะ “circadian” ที่จะเตือนร่างกายว่าควรจะกระฉับกระเฉงเมื่อไหร่และควรจะนอนเมื่อไหร่ one night miracle นี้แหละ คือการแหกกฎของนาฬิกาชีวิต ซึ่งสามารถทำได้ด้วย "ปาฏิหาริย์ของร่างกาย" เพราะในร่างกายคนเรามีฮอร์โมนต่างๆมากมายที่หลั่งออกมา และทำให้คนเราสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่เข้ามาได้อย่างเหมาะสม และในบรรดาฮอร์โมนเหล่านี้ มีอยู่ 2 ชนิดที่ช่วยให้เจ้าของร่างกายทำสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์มาแล้วนักต่อนัก ทั้งเอาชีวิตรอดจากภูเขาหิมะแสนหนาวเหน็บหลายสิบวันโดยแทบไม่เหลือเสบียงอาหาร หลบกระสุนและระเบิดในสมรภูมิโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ หรือเคสสุดคลาสสิก อย่างยกของหนักหลายกิโลวิ่งออกจากบ้านที่กำลังไฟไหม้
โดยทั่วไป เมื่อคนเราตกอยู่ในอันตรายหรือสถานการณ์คับขันบางอย่าง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ออกมา ซึ่งโดยรวมแล้วจะช่วยเสริมสมรรถภาพทางกายและสมอง ทำให้เอาตัวรอดจากอันตรายมาได้
แต่ว่า ต่อให้ร่างกายไม่ได้กำลังเผชิญอันตรายจริง ๆ ทว่าจิตใจรู้สึกว่าเป็นอันตรายระดับใกล้เคียงกัน เช่น กำลังตื่นตระหนกกับเดดไลน์ที่คืบคลานเข้ามาทุกที ๆ จนรู้สึกนั่งไม่ติด เหมือนมีไฟลนก้นอยู่จริง ๆ ก็เป็นไปได้มากที่ร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลินและคอร์ติซอลออกมา สมองแล่นปรู๊ดปร๊าด พลังกายหลั่งล้น กลายเป็นปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืน ปั่นงานโต้รุ่งจนเสร็จ รอดพ้นจากภาวะเฉียด (เส้น) ตายมาได้ คนที่ทำงานได้ดีเมื่อมีแรงกดดันก็สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการนี้ นอกจากฮอร์โมนส์ที่จะช่วยแล้ว เราเองก็ต้องเตรียมร่างกายตัวเองด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าวิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle จะทำให้งานเสร็จได้ทันกำหนด แต่แนะนำว่าไม่ควรใช้วิธีนี้บ่อยๆ ควรจัดแจงเวลาในการทำงานให้ดี และบอกปัญหานี้ตามตรงกับเพื่อนร่วมทีม และหัวหน้าถึงปริมาณงานที่เยอะเกินไป และร่างกายเราก็จะพังตามไปด้วย นาฬิกาชีวิตเราก็จะรวน ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาก็จะแปรปรวน และที่สำคัญ งานที่ต้องเร่งทำในสภาวะที่ร่างกายไม่พร้อมก็อาจจะเป็นงานที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งหากจำเป็นต้องปั่นงานแบบ One Night Miracle จริงๆ ก็ควรเลือกสถานที่ที่สภาพแวดล้อมที่ดี และเตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อม ให้เราทำงานได้เต็มที่
“Difference between school and life?
In school you are taught a lesson and then given a test.
In life, you are given a test that teaches you a lesson.”“ชีวิตวัยเรียนและชีวิตจริงแตกต่างกันตรงที่
‘ชีวิตวัยเรียน’ เราได้รับการสอนบทเรียน ก่อนทำแบบทดสอบ
แต่ใน ‘ชีวิตจริง’ เราจะได้ทำแบบทดสอบที่จะสอนบทเรียนให้กับเรา”
– ทอม โบเด็ท –
บทความอื่นที่น่าสนใจ
อ้างอิงข้อมูล