คุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Situationship หรือ Friend with benefits รึป่าว

ถ้าคุณกำลังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับใครสักคนแต่มันดันไม่ใช่แฟนหรือคนรักทั้งๆที่อยู่ด้วยกันเป็นประจำ มีความสนิทสนมกันมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ไม่ได้คาดหวังหรือมีจุดหมายอะไรสำหรับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ กำลังสับสนว่าตัวคุณเองอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Situationship หรือ Friend with benefits รึเปล่า??? ทั้งสองแบบนี้เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด แต่จริงๆแล้วทั้งสองนี้มันมีความแตกต่างอยู่นะ

จริงๆแล้วการที่คุณรู้จุดยืนของตัวเองในความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากเมื่อเรามีความสัมพันธ์กับใครสักคน สิ่งที่สำคัญคือเราต้องรู้ถึงความแตกต่างของทั้ง Situationship และ Friend with benefits เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่า “คล้ายกันมาก” แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้แตกต่างกันออกไปอยู่ เราจึงควรที่จะทำความเข้าใจและรับรู้ขอบเขตว่าในความสำคัญครั้งนี้เราสามารถทำหรือไม่ทำอะไรได้บ้างเพื่อไม่ให้ทั้งตัวเราเองและอีกฝ่ายอึดอัด

บทความอื่นที่น่าสนใจ

• เลิกเป็น "People pleaser" อะไรก็ยอมซะที! หัดปฏิเสธเพื่อความสุขตัวเองบ้าง
• ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ : Work (ไร้) balance ความเคยชินที่กำลังเปลี่ยนไป
• คุณกำลัง “เคร่งกับการใช้ชีวิต” หรือ "กดดันตัวเอง" มากเกินไปหรือเปล่า?

What is Situationship ?

Situationship เป็นความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกที่ไม่ชัดเจน คลุมเครือ ไม่มีความคาดหวังในอนาคต มันอยู่ในเส้นบางๆระหว่างคนใกล้ชิดกับคนรัก แต่จะเอนไปทางคนใกล้ชิดที่มีความผูกพันกันมากกว่า ในความสัมพันธ์นี้คุณจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ไปเที่ยว ดูหนัง ทานข้าว มีเซ็กส์ แต่กลับไม่ใช่แฟนกันและไม่ได้เรียกกันว่าคนรัก

ซึ่งน่าเศร้าที่ความสัมพันธ์นี้ ส่วนใหญ่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รู้สึกมากกว่า และคาดหวังในความสัมพันธ์มากกว่าเสมอ แต่กลับแสดงความต้องการออกมาไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายเขาไม่ได้ต้องการจะผูกมัด ความสัมพันธ์แบบ Situationship นี้ จะเกิดขึ้นช่วง talking stage หรือที่เรียกกันว่า "คนคุย" นั่นเอง มันคงเป็นเรื่องยากที่จะถามอีกฝ่ายว่า นี่เรากำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Situationship อยู่รึเปล่า??

วิธีสังเกตพฤติกรรมความสัมพันธ์ Situationship

• Ambiguity (ความคลุมเครือ)

เริ่มมีคำถามในหัวบ่อยๆว่า เขาทำแบบนี้แปลว่าเขาชอบเราหรือเปล่า เขาจะอยากไปต่อกับเรามั้ย หรือบางทีอยู่ด้วยกันก็ดีแต่พอออกไปในที่สาธารณะเมื่อไหร่ความใกล้ชิดของพวกคุณก็จะห่างขึ้นด้วย

• Lack of Commitment (ไม่มีความมุ่งมั่น)

แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัด เมื่อเกิดปัญหาต่างๆก็จะไม่ค่อยแก้ปัญหา ไม่ได้พยายามทำให้ปัญหามันดีขึ้น ไม่มีแผนสำหรับความสัมพันธ์ในระยะยาว

• Emotional distance(ระยะห่างทางอารมณ์)

คุณไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดกันขนาดนั้น เพราะคุณยังมีระยะห่างที่เห็นชัดเจน ไม่รับรู้ถึงเรื่องราวของกันและกัน รับรู้แค่อารมณ์ของสถานการณ์ ณ​ ตอนนั้นเท่านั้น

• Limited Communication(สื่อสารไม่ชัดเจน) 

คุณมักจะไม่ค่อยแชร์เรื่องราวของกันและกัน ทำให้บางทีก็เกิดความสับสนและไม่ไว้วางใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากพวกคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน

การมีความสัมพันธ์แบบนี้คุณจะต้องมั่นใจในตัวเองระดับนึงเลยว่าจะสามารถห้ามไม่ให้รู้สึกอยากที่จะพัฒนาต่อ เพราะมันเป็นความสัมพันธ์แบบมาเร็วไปเร็ว มันจะอยู่ไม่นาน เพราะเมื่อไปต่อไม่ได้ อยู่ไปนานๆมันก็เบื่อ

What Is Friends With Benefits ?                                                                        

Friend with benefits แตกต่างจาก situationship อย่างเห็นได้ชัดคือ มันเป็นความสัมพันธ์ที่คนสองคนตกลงกันว่าจะมีเซ็กส์กันเพียงอย่างเดียว ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ไม่ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เนื่องจากเป็นความสัมพันธ์แบบที่เปิดใจคุยกันตั้งแต่แรกว่าจะมีแค่เซ็กส์เท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง

ลักษณะของความสัมพันธ์แบบ Friend with benefits

• Casual(ชิวๆสบายๆ): ไม่จริงจัง ไม่มีแพลนสำหรับอนาคต
• Sexual: ตกลงที่จะเป็นคู่นอนกันเพียงอย่างเดียว ไม่มีความโรแมนติกมาเกี่ยวข้อง
• No strings attached(ไม่มีข้อผูกมัด): เมื่อตกลงกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเข้าใจตรงกันว่าทั้งคู่ไม่มีความคาดหวังสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาว
• Open communication(เปิดใจคุยกัน): ส่วนใหญ่ความสัมพันธ์แบบนี้มักจะตกลงกันมาก่อนแล้ว ดังนั้นจะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่คิดไปเอง 
• Friend with benefits เป็นความสัมพันธ์ที่คุณจะสนุกกับเซ็กส์โดยที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องโรแมนติกหรือเรื่องพัฒนาความสัมพัน์ต่อ แต่ก็จะต้องสื่อสารกันอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในภายหลัง

ทำอย่างไรให้มีความสุขกับความสัมพันธ์ทั้งสองแบบนี้

ความสัมพันธ์ทั้งสองแบบไม่ว่าจะเป็น Friend with benefits หรือ Situationship ทั้งคู่อาจดูเป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการเพียงชั่วคราวได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาเสมอไป ความสัมพันธ์แบบนี้จะไม่มีใครเลยที่จะจบลงด้วยความรู้สึกโรแมนติกหรือตกหลุมรัก

สิ่งที่สำคัญที่สุดของการมีความสัมพันธ์แบบนี้ คือ "การสื่อสารแบบเปิดใจ" พวกคุณจะต้องตกลงกันก่อนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบ Friend with benefits ว่าทั้งคู่ ทำอะไรได้แค่ไหนบ้าง จะต้องไม่มีความหึงหวงเมื่ออีกฝ่ายไปมีความสัมพันธ์แบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน

หรือหากคุณกำลังสงสัยว่าคนที่กำลังดูใจอยู่ตอนนี้เค้าจะกำลังทำให้ความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงแค่ Situationship หรือเปล่า สิ่งที่คุณต้องทำคือถามเขาไปตรงๆ เพราะถ้าคุณปล่อยไว้ความรู้สึกเลยเถิด แต่เขาดันต้องการแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราว คุณจะเป็นคนที่เสียใจ แต่ถ้าคุณก็ต้องการความสัมพันธ์โรแมนติกแค่ชั่วคราว คุณเองก็ต้องคุยกับคู่ของคุณเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดกัน

สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ทั้งสองประเภทนี้สามารถเติมเต็มความสุขของคุณได้ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและชัดเจนว่าต้องการอะไรจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ คุยกันให้ชัดเจนไปเลย จะได้ไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียใจ หรือโดนกดขี่เอาเปรียบ

เป็นเรื่องที่ยากมากในการที่เราจะมี Relationship ที่เรียบง่ายในศตวรรษที่21นี้ เริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนเป็นเหมือนการเล่นรูบิค ถ้าเรามองออกทุกอย่างจะง่ายมาก แต่ถ้าเราพยายามที่จะหมุนรูบิคไปเรื่อยๆโดยที่ไม่พยายามทำความเข้าใจมันละก็ ทุกอย่างจะพันกันจนวุ่นวายแน่ๆ

อ้างอิงข้อมูล : justinemfulama