ใครที่เป็นนักชิมชอบอาหารหลากหลายรูปแบบจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น จีน อิตาเลียน หรือแม้แต่คออาหารไทยเอง ในกรุงเทพฯ มีร้านอาหารนานาชาติให้คอยได้ลิ้มรสความอร่อยกัน ไปดูกันดีกว่าเราจะมีร้านไหนมาให้ปักหมุดกันบ้าง
ใครเป็นคออาหารอิตาเลียนต้องร้านนี้เลย Opera Italian Restaurant ร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูในซอยสุขุมวิท 39 และร้านนี้ยังเป็นร้านอาหารอิตาเลียนร้านแรกในประเทศไทยอีกด้วย เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1983
ที่ Opera Italian Restaurant มีเมนูให้เลือกมากมายหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเมนูเส้นสไตล์อิตาเลียน ไม่ว่าจะเป็น GRATINATI FORNO พาสต้าอบชีส เส้นพาสต้านำเข้าจากอิตาลี นำมาอบกับมอสเซอเรลล่าชีส ส่วนใครที่ชอบของกินเล่นทานกับเครื่องดื่ม FRITTO MISTO จานนี้เป็นอาหารทะเลสดๆ กุ้งตัวโตๆ ปลาหมึกชิ้นใหญ่ๆ ปลาซาร์ดีนส่งตรงจากอิตาลี นำมาทอดจนเหลืองกรอบ กินคู่กับทาท่าซอส ส่วน BRACIOLA DI MAIALE CON VERDURE เมนูนี้ก็ห้ามพลาดเพราะความพิเศษอยู่ที่พอร์คช็อปเนื้อนุ่มหมักด้วยสูตรพิเศษ นอกจากนี้ยังมีอาหารเครื่องดื่มสุดพิเศษอีกมากมายให้ได้มาชิลล์กับบรรยากาศชวนแฮงก์เอ้าต์
มาถึงร้านอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นกันบ้าง Chop Chop Cookshop ตั้งอยู่ย่านใจกลางเยาวราชได้แรงบันดาลใจมาจากร้านกุ๊กช็อป หนึ่งในชนิดของร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่งของกรุงเทพ ถือกำเนิดขึ้น ณ ชุมชนชาวจีนในสมัยก่อน โดยคนจีนไหหลำจะรับหน้าที่เป็นพ่อครัวแม่ครัว เสิร์ฟอาหารให้ผู้คนในบริเวณนั้น
ในส่วนของงานดีไซน์ ร้าน Chop Chop Cookshop ได้คุณอภิรักษ์ ลีฬหรัตนรักษ์จาก Bensley Design Studio มาจัดการให้ โดยหยิบเอาดีไซน์จากร้านขายทองบนถนนเยาวราชในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 มาเป็นแรงบันดาลใจ สีสันนีออนที่อยู่รอบๆ ร้าน ยังช่วยดึงความสนใจให้คนที่ผ่านไปมาเกิดความสงสัย อยากเข้ามาดูว่า ทำไมตึกสไตล์อลังการศิลป์ (Art Deco) ถึงมาเจอกับร้านที่ดูป็อปอาร์ตอย่างนี้ได้
อาหารร้านนี้ก็ทานง่ายรสชาติเลิศ ไม่ว่าจะเป็นปอเปี๊ยะทอด บะหมี่เป็ด เกี๊ยวกุ้ง ข้างผัดสับปะรดที่มีทั้ง กุนเชียง กุ้งแห้ง เห็ด กุ้งสด สับปะรด มีกลิ่นอายของผงกะหรี่ เปลือกกุ้ง นำไปอบแล้วปรุงรส นอกจากนี้ยังมีเมนูของหวานเป็นลอดช่องที่รวมมิตรไปด้วยแตงไทย ข้าวเหนียวดำ ขนุน และเกาลัด
มาถึงคราวร้านอาหารปิ้งย่างญี่ปุ่นกันบ้าง ย้อนกลับไปที่เมืองอุซึโนมิยะ ประเทศญี่ปุ่น ยากินิกุ เกรท (Yakiniku Great) ถือกำเนิดขึ้นจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ โชจิ สึกาวะ (Shoji Tsugawa) ที่ปรารถนาให้ร้านของเขาเป็นหนึ่งในร้าน yakiniku ชั้นเลิศที่สุดในโลก จากความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศได้นำไปสู่การเปิดร้านอาหารแห่งแรก ซึ่งได้รับการยอมรับทั้งในด้านคุณภาพชั้นเยี่ยมและประสบการณ์การรับประทานอันน่าประทับใจ
ในปีค.ศ. 2015 ยากินิกุ เกรท (Yakiniku Great) ได้ขยายสู่ระดับนานาชาติด้วยการเปิดสาขาที่ฮ่องกง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สาขาที่ฮ่องกงได้รับการยกย่องให้เป็นจุดหมายปลายทางด้าน yakiniku ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมือง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของแบรนด์ในการสร้างสรรค์ความเป็นเลิศในด้านอาหารและความพึงพอใจของลูกค้า
ล่าสุดบนเส้นทางของการเดินทางครั้งนี้คือการเปิดสาขา ยากินิกุ เกรท ที่กรุงเทพฯ ในปี ค.ศ. 2023 ในย่านทองหล่อ ทำเลทองแห่งสีสันและความคึกคักที่สะท้อนถึงความหรูหราและความเป็นเลิศทางด้านอาหาร ภายในร้านออกแบบให้มีเคาน์เตอร์สำหรับเชฟ หรือ Counter Bar ที่ทันสมัย และมีห้อง private room สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ ยากินิกุ เกรท แบงค็อก ยังรังสรรค์พื้นที่ได้ตามแนวคิดและมีชีวิตชีวา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ในแบบ ยากินิกุ เกรท (Yakiniku Great)
สายเนื้อต้องไม่พลาด Premium Omakase สัมผัสรสชาติอันโอชะ ผ่านเนื้อวัวเกรดพรีเมียมที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพลิดเพลินกับเนื้อวากิวหลากหลายชนิด ตั้งแต่เนื้อสันในอ่อนอันนุ่มลิ้ม ไปจนถึงเนื้อ misuji (เนื้อส่วนใต้หัวใหล่) ที่ชุ่มฉ่ำ และเนื้อ sirloin (เนื้อสันนอกติดมัน) ที่ละลายในปาก แต่ละชิ้นผ่านการคัดเลือกจากลายไขมันอันงดงามและรสชาติเข้มข้น
Kiwami Omakase การรังสรรค์เซ็ทอันแสนพิเศษนี้ เริ่มต้นด้วยการมอบเนื้อวากิวชั้นดีที่สุด นำมาปรุงและย่างอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่เนื้อแชโตบริยอง (chateaubriand) สุดหรู ไปจนถึงเนื้อ misuji และ daisankaku (เนื้อส่วนที่อยู่ติดกับ misuji มีไขมันแทรกน้อยกว่า) ที่ยั่วน้ำลาย เพื่อให้ทุกคำเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพและความประณีต
ร้านอาหารที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว 5 ปีซ้อน การันตีรสชาติอาหารไทยแท้ต้นตำรับ จากวัตถุดิบท้องถิ่นที่ดีที่สุด นำเสนอประสบการณ์อาหารไทยเลิศรสแบบ Fine Dining (ไฟน์ ไดนิ่ง) ด้วยความมุ่งมั่นสืบสานภูมิปัญญาอาหารไทยจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านศิลปะการปรุงเพื่อนำเสนอวัฒนธรรมแบบไทยให้ปรากฏสู่สายตาชาวโลก
ร้าน R-HAAN ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 จากความตั้งใจที่จะนำเสนอวัฒนธรรมอาหารของไทยของ คุณปิติ ภิรมย์ภักดี และ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟอาหารไทยชื่อดัง ที่ต้องการให้ร้าน R-HAAN สามารถเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารและสืบสานภูมิปัญญาของอาหารไทยผ่านแนวคิด “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” โดยนำวัตถุดิบท้องถิ่นที่ดีที่สุดทั่วประเทศ มารังสรรค์เมนูอาหารรสชาติไทยแท้ที่นำเสนอด้วย 8 รสชาติ อันได้แก่ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขม เผ็ด ฝาด ซ่า และส่งต่อ 5 สัมผัส คือ รูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่น สีสัน และเนื้อสัมผัสที่ลงตัวแล้ว ทั้งหมดมุ่งสะท้อนความวิจิตรของวัฒนธรรมความเป็นไทย ซึ่งทำให้ทุกเมนูของร้าน R-HAAN บอกเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณผ่านรสชาติของอาหารไทย ให้ทุกคนได้สัมผัสอรรถรสแห่งภูมิปัญญาแห่งไทย