เริ่มต้นไปแล้วสำหรับ “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 หรือ Bangkok Design Week 2024 (BKKDW2024) ที่จัดขึ้นในธีม ‘Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ ปีนี้จัดขึ้น 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2567 ในพื้นที่กว่า 15+ ย่านทั่วกรุงเทพฯ
เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 หรือ Bangkok Design Week 2024 (BKKDW2024) มีกิจกรรมอัดแน่นกว่า 500 โปรแกรมที่น่าตื่นตาตื่นใจในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนิทรรศการ, งานทอล์ก, เวิร์กช็อป, อีเวนต์, ดนตรีและการแสดง ไปจนถึงการทัวร์ย่านหรือตลาดสร้างสรรค์ ที่พร้อมทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่ารัก ที่ทั้งน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าเที่ยวมากขึ้นกว่าเดิม BKKDW2024 มีไฮไลต์เด็ดอะไรบ้างที่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง เราคัดมาให้แล้ว ไปเช็กอินกันได้เลย
ใครชอบดูแสงสีต้องไม่พลาดงานจัดแสดง Projection Mapping บนอาคารทางประวัติศาสตร์ของย่านพระนคร โดยเฉพาะที่ ‘ป้อมมหากาฬ’ ที่เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรก ที่นำงานศิลปะมาฉายภาพเสมือนลงบนตัวป้อมมหากาฬ
และอีกจุดหนึ่งในป้อมมหากาฬที่ต้องไปดู คือผลงาน Breathtaking โดย STUDIO THALAMUS ซึ่งเป็น Lighting Installation ที่ประกอบด้วยลูกบอลเรืองแสงจำนวนมาก ที่จัดเรียงเหมือนกับเป็นถุงลมของปอดขนาดยักษ์ โดยการเคลื่อนไหวและแสงของลูกบอลจะบ่งบอกถึงปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่วัดแบบเรียลไทม์ จากนั้นจุดข้าง ๆ กัน ที่ ‘สะพานผ่านฟ้า’ มีการติดตั้งไฟ เล่นแสงกับสะพานและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ จุดจัดแสดง ภายใต้ชื่องาน ใบไม้เปลี่ยนสีที่ผ่านฟ้า โดย FOS Lighting Design Studio
ให้ความรู้สึกราวกับเราวาร์ปไปอยู่เมืองเวนิสในอิตาลี ยิ่งยามค่ำคืน มีแสงสะท้อนเห็นสะพาน ป้อมมหากาฬ และภูเขาทองบนพื้นน้ำ ยิ่งเป็น การเพิ่มสีสันและความมีชีวิตชีวาให้ผู้คนที่ออกมาทำกิจกรรมและชื่นชมความงามของย่านพระนคร อีกทั้งแสงเหล่านี้ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้สัญจรในพื้นที่นั้น ๆ ได้อีกด้วย
จากนั้นให้ไปต่อที่ ‘ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)’ กับผลงาน Projection Mapping ภายใต้ชื่อ Night Blooming บอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมตะวันออกผ่านดอกบัว ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ การตระหนักรู้ และการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ ผ่านการเจริญเติบโตจากดินโคลนสู่การเป็นดอกไม้บริสุทธิ์ และที่ ‘สวนรมณีนาถ’ กับ Call me Susan โดย YELLABAN ผ่านการจัดแสดงแสงไฟ
และจุดสุดท้าย ‘ประปาแม้นศรี’ ภายใต้ชื่องาน ExperienceScape: The Legendary Scape ของ DECIDEKIT ที่มีงานออกแบบแสงสว่าง บนแท็งก์เก็บน้ำซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของพื้นที่ ผ่าน Projection Mapping & Lighting Happening Show บนสถาปัตยกรรมภายนอก และงาน The Retro-Futurism ของ LIGHTIS AND FRIENDS ที่มีการเล่นไฟที่ใต้แท็งก์เก็บน้ำและตัวอาคารโดยรอบ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้โปรเจ็กต์ ExperienceScape Project โดยได้รับการสนับสนุนจาก บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ เอปสัน (ไทยแลนด์)
สำหรับในย่าน ‘ปากคลองตลาด’ ที่ ‘ไปรษณียาคาร’ จัดงานชื่อน่ารักอย่าง I Flower You: Pak Khlong Collective Blooms โดย 27 JUNE STUDIO ชวนผู้เข้าชมงานไมhตามหาเมล็ดดอกไม้ดิจิทัลในย่านปากคลองตลาด และนำมาปลูกร่วมกันที่กระถางดอกไม้ โดยมีส่วนร่วมในการระบายสีแต่งแต้มสีสันให้กับเมล็ดดอกไม้ของตัวเอง ก่อนจะชมความงามของดอกไม้ผ่าน Interactive Projection Mapping ที่ฉายขึ้นอาคารไปรษณียาคาร
จัดว่าเป็นทีเด็ดย่านเจริญกรุง ที่ชวนทุกคนมาปล่อยใจให้จอยกับมุมน่ารัก ๆ มากมาย ตั้งแต่ ห้องไหมพรมยักษ์ ของ BIGKNIT ที่เปรียบเสมือนพื้นที่พักใจแสนอบอุ่น โดยจัดแสดงไหมพรมยักษ์ที่มอบสัมผัสแสนอ่อนนุ่มในหลากหลายรูปแบบ ขณะที่ พื้นที่พักใจ ของ VICHITR รังสรรค์พื้นที่แห่ง Comfort Zone แปลงพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นสเปซแห่งการพักผ่อน ฮีลใจผู้คนที่กำลังเหนื่อยล้าจากปัญหาต่าง ๆ ด้วยการใช้ผ้าม่านผสมผสานกับงานแสงสี และที่ไม่อยากให้พลาด คืองานของ REVERB – Repurpose Collective ของ Gadhouse ซึ่งเป็นการนำวัสดุรีไซเคิล มา Upcycle ทำเป็นแผ่นเสียงสุดครีเอต โดยแต่ละคนสามารถตกแต่งแผ่นเสียงในสไตล์ของตัวเอง และนำกลับบ้านได้เลย
กับ One Bangkok Pavilion พาวิลเลียนที่ประกอบจากหลากหลายรูปทรงเรขาคณิต เพื่อสื่อถึงความแตกต่างและหลากหลาย โดยทุกคนสามารถมาร่วมสนุกกับหลากหลายกิจกรรม ที่หยิบเอาศิลปะหลากหลายแขนง วัฒนธรรม และเสียงดนตรี ที่จะสลับหมุนเวียนกันมาไม่ซ้ำ ให้ทุกคนมาร่วมกันแต่งแต้มสีสัน เพราะคุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เมืองนี้มีชีวิตชีวาขึ้นได้
กับ 49&FRIENDS : Social Matters การออกแบบที่คำนึงถึงผู้คน ไปจนถึงสัตว์เล็ก ๆ ที่ใช้พื้นที่ร่วมกับชุมชน จึงได้เสนอการปรับปรุงทางข้าม จุดจอดรับ-ส่งมอเตอร์ไซค์ สร้างบ้านนก บ้านกระรอก ตลอดจนเพิ่มพื้นที่นั่งพักระหว่างทาง
เหมาะกับคนที่ชื่นชอบงานไม้ กับถนนสายไม้ที่มีการจัดทำหุ่นจำลองรอยต่อมาตราส่วนจริง ทั้งในงานนิทรรศการ ร้อยเรียงเรื่องราวถอดรหัสภูมิปัญญางานไม้ ที่ณรงค์การช่าง และ Bangpho Phenomenon ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม เรียกได้ว่าเป็นการสืบสานคุณค่าภูมิปัญญางานไม้อย่างแท้จริง
ใครชอบเดินเล่นส่อง Street Art แนะนำให้ไปที่นี่ กับผลงาน Local Gallery of local shop ของ SATARANA นอกจากจะได้ถ่ายภาพศิลปะเก๋ ๆ แบบโมเดิร์นไชนีสบนกำแพงแล้ว ยังได้ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชนย่านเยาวราชอีกด้วย
Bangkok Design Week 2024 (BKKDW2024) ปีนี้เรียกได้ว่ามีโชว์เคสน่าดูและหลากหลายมากมาย เพราะเหล่านักสร้างสรรค์และตัวแทนแต่ละย่าน งัดไอเดียออกมาโชว์กันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ทุกงานล้วนสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละย่านได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าถูกใจสายคอนเทนต์อย่างแน่นอน
ที่ The Corner House Bangkok ที่ตึกชัยพัฒนสิน กับผลงาน Openscape ของ LAMITAK ที่เป็น Installation Art โดยรวมหน้าบานกระจกซึ่งมีขนาดและรูปแบบแตกต่างกันจำนวนมาก และทุกบานสามารถเปิดออกได้ทั้งหมด เมื่อเปิดจะพบเซอร์ไพรส์ว่าภายในมี Installation Art ที่ไม่ซ้ำกันให้ได้ชมอีก
ต่อด้วยนิทรรศการ Digital Interactive Art เมื๋องเมิน (Seemless City) ของ ADAPTER DIGITAL GROUP จัดที่ The Warehouse เป็นการตีความรูปแบบความสัมพันธ์คนเมืองที่ห่างเหินในปัจจุบัน ผ่านบริบทงานศิลปะที่สามารถโต้ตอบกับผู้เข้าร่วมได้แบบเรียลไทม์
ตามมาด้วยนิทรรศการ กับข้าวมาแล้วครับ... กับข้าว ของ STUDIO DIALOGUE ที่ให้นิยามใหม่กับรถพุ่มพวงที่ทุกคนคุ้นตา โดยเปลี่ยนให้รถพุ่มพวงนี้เป็นการพบปะและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยกับผู้บริโภค รวมถึงระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน เพื่อสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิด ความต้องการ ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน
กับงาน คืนชีพขยะดอกไม้ ของ CAPYPER เป็น Installation Art ที่นำกระดาษที่ใช้แล้วมาผสมกับขยะดอกไม้ เรียงร้อยกับเส้นเชือกที่แขวนเป็นชิ้นงานลอยตัวเชื่อมโยงออกจากตะกร้าดอกไม้ แสดงถึงวิถีชีวิตและปัญหาสิ่งแวดล้อมในปากคลองตลาด ซึ่งถือว่าเป็นงานที่สร้างคุณค่าให้กับขยะดอกไม้ในชุมชน
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการจัดแสดงผลงาน Live again ของ DESIGN AND OBJECTS ที่ อี.แอม.กาติ๊บ สะพานช้างโรงสี ย่านพระนคร ห้างเก่าที่ปิดปรับปรุงเปิดพื้นที่สำหรับการจัดแสดงผลงานที่หลากหลาย ของที่ไม่ใช้แล้วรวมทั้งของเหลือจากกระบวนการผลิตถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานใหม่ที่สามารถใช้ได้อีก ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ ของแต่งบ้าน กระเป๋า ฯลฯ
กับผลงานซาวด์บาธ / ซาวด์-บาตร โดย URBAN STUDIES LAB จากเสียงที่ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งชุมชนบ้านบาตร ชุมชนเก่าแก่ในกรุงเทพมหานครที่ยังคงสืบทอดภูมิปัญญาในการตีบาตรด้วยมือเปล่ามาจนถึงปัจจุบัน สู่การออกแบบสื่อมีเดียรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจจากเสียงบาตร ประสบการณ์ ASMR หรือเสียงเพื่อการทำสมาธิและผ่อนคลายอย่างการทำ Sound Bath
ที่ไม่ได้มีแต่สถานีรถไฟ ชวนทุกคนไปชม Made in Hua Lamphong โดย CEA ร่วมกับ RTUS-BANGKOK ริทัศน์บางกอก โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB โชว์เคสที่จะสร้างภาพจำใหม่ให้กับชุมชนหัวลำโพง ว่าพื้นที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่ทางผ่านอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
แต่นี่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยช่างฝีมือและแหล่งอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ร่วมส่งเสริมและต่อยอดคุณค่าเหล่านี้ด้วยการร่วมงานกันของ 6 ธุรกิจดั้งเดิมกับ 5 นักออกแบบ ได้แก่ ร้านทำร่ม ศิลป์เมือง x ease studio โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง x Ek Thongprasert โรงงานกระดาษชัยกิจ x Likaybidery ร้านเหล็กตกแต่ง บ้านอิตาลี x COTH Studio ร้านอาหารดั้งเดิม (ขนมผักกาดอาม่าชอเค็ง, เบ๊โอชา) x Witti Studio
กับงาน Leather Round: ทัวร์ลงวงเวียนใหญ่ โปรเจ็กต์ที่อยากเชื้อเชิญคนนอกพื้นที่ ให้เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่วงเวียนใหญ่ กับ Installation Art ที่จะบอกเล่าเรื่องราวพื้นที่เจริญรัถ ย่านเก่าแก่และแหล่งเครื่องหนังครบวงจร ให้ทุกคนได้รู้จัก
มาดูงานในกลุ่ม Academic Program กับ ReTHINK: COBE FOR BEING และ LiVELY STREET FURNITURE 01 by Bangkok City Lab และ BAMBOO MACHE MODULAR โดย THOR.KAICHON ARCHITECTURE พาวิลเลียนไม้ไผ่ที่ออกแบบทดลองสวนพักผ่อน เต็มไปด้วยคนสร้างสรรค์ที่มารวมตัวสังสรรค์
ทำให้ย่านนั้นมีสีสันมากขึ้น สนับสนุนโดย บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ COBE Kaset-Sripatum และผลงานการออกแบบแสง กาลครั้งหนึ่ง ณ บางเขน โดย ย่านเขียวเกษตร ที่ บ้านพักบุคคากรเก่า ซอยพหลโยธิน 45 ย่านเกษตรบางบัว เรียกได้ว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นแตกต่าง แต่เต็มไปด้วยผลงานที่น่าสนใจ
กับ NICE TO MEET YOU SUNA NEIGHBOURMOVE โดย BHIRAJ BURI GROUP เชิญชวนทุกคนเดินทางเข้าสู่อุโมงค์แห่งสุขุมวิทใต้เพื่อสำรวจอดีต ปัจจุบัน และคาดการณ์อนาคตที่กำลังเป็นไปของย่านสุขุมวิทใต้ เห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สถานีอ่อนนุชจนถึงบางนา ทั้งการมาของรถไฟฟ้า วัฒนธรรม ความเชื่อ ตำนาน และนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยชุมชน ผ่านนิทรรศการที่ยาวตลอดทางเดินและทางเลื่อนของอาคารไบเทค
ที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ชวนตื่นตาตื่นใจไปกับป้ายรถเมล์ติดแอร์ หรือ Sabuy Square ที่แสดงผลงานเรื่อง ‘เวลา’ สะท้อนเรื่องการใช้เวลาและรอคอยในการเดินทางอย่างไรให้สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด จากนั้นให้เข้ามาชมงานในส่วนของ ‘คน’ และ ‘อารมณ์’ นิทรรศการจาก MMAD โซน MUNx2 บริเวณชั้น 2 และ 3 ทุกคนจะได้พบกับนิทรรศการศิลปะทั้ง 9 ห้อง ที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจและต่อยอดความคิดสร้างสรรค โดยสะท้อนผ่านศิลปะการจัดดอกไม้และ Art Installation ต่าง ๆ
ปิดท้ายกับความชิลที่พลาดไม่ได้ กับงานที่ชื่อว่า ‘แสง’ บนชั้นดาดฟ้าของศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ผลงาน Lighting Installation ที่จะให้ทุกคนได้มาสัมผัสแสงยามเย็น นั่งชิล ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลง พร้อมเดินชมผลงานศิลปะ และ Lighting Installation ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดแสดงอื่น ๆ เช่น งาน The Nature of Things โดย GREYDIENT LAB งานโชว์เคสที่นำเสนอผลงานสร้างสรรค์และบทสนทนากับธรรมชาติในบริบทของ Livable Scape โดยนักออกแบบชาวสิงคโปร์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับธรรมชาติ โดยนำเสนอแนวทางนวัตกรรมที่หลากหลายเพื่อความยั่งยืน ด้วยมุมมองต่อธรรมชาติในสิงคโปร์ ที่ Greydient Lab
ผู้ที่สนใจเดินทางมาชมกิจกรรมในย่านตลาดน้อย - เยาวราช - พระนคร สามารถใช้บริการรถรับ-ส่ง ‘Go Go Bus!’ โดย MAYDAY! ซึ่งเป็นรถบัสไฟฟ้าขนาดเล็กที่ได้รับการสนับสนุนโดย บริษัท อรุณ พลัส จำกัดในเครือ ปตท. ได้ฟรี ตั้งแต่เวลา 7.00 - 22.00 น.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง