อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว มาย้อนดูชีวิตตัวเองในปีที่ผ่านมากันสักหน่อยดีกว่า สุขภาพจิตเป็นอย่างไร การงาน ความรัก ข้อดี-ข้อเสีย นิยามความหมายของสุขและทุกข์ สิ่งนี้ไม่มีใครบอกได้ ตัวคุณคนเดียวเท่านั้นที่รู้
เข้าสู่ช่วงสิ้นปี หลายคนคงใจลอยไปถึงช่วงเวลาที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง เฮฮา ปาร์ตี้ ล้อมวงกินปิ้งย่าง ใช้เวลาบริโภคความสุขกันอย่างสนุกสนาน แต่หลายคนกลับ “ลืมให้เวลากับตัวเอง”
300 กว่าวันอันหฤโหดที่ผ่านมานั้น ส่งผลต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจของเราอย่างไรบ้าง หลายคนเจอเรื่องทุกข์ หลายคนอิ่มเรื่องสุข ปน ๆ กันไป อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปี เราขอชวนใช้เวลาสั้น ๆ ตรงนี้ถาม-ตอบ ตัวเองกันสักหน่อย ว่าที่ผ่านมาชีวิตเราเจออะไรสาดเทมาบ้าง
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าการนั่งสำรวจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องเสียเวลา งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard บอกว่า การใช้เวลาไตร่ตรองสถานการณ์ไม่ว่าดีหรือร้ายที่ผ่านมาแล้ว จะช่วยให้เราพบแง่มุม จุดแข็งและจุดอ่อนเพื่อให้เราไม่เจ็บซ้ำที่แผลเดิม
Spring News ลิสต์คำถามมาให้ แล้วลองตอบตัวเองดูว่า ที่ผ่านคุณเป็นอย่างไร? สามารถใช้เวลาตกผลึกได้เต็มที่
เกิดอะไรขึ้นบ้างในปีที่ผ่านมา?
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบทบาทไหนของสังคม ให้ลองเขียนออกมาเลยว่าตั้งแต่ต้นปีชีวิตสาดเทเหตุการณ์อะไรใส่คุณบ้าง เยอะหรือน้อยไม่สำคัญ เอาเท่าที่นึกออกก็ได้
เมื่อลิสต์ออกมาแล้ว มานั่งเจาะแต่ละเหตุการณ์ดูว่า เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ณ เวลานั้นคุณรู้สึกกับเรื่องนั้นอย่างไร แล้วตอนนี้พอมองกลับไปยังรู้สึกแบบเดิมอยู่อีกรึเปล่า
ถ้าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ตอนนี้มันถูกแก้ไขแล้วหรือยัง ถ้าได้รับการแก้ไขแล้วก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้ายังก็ไม่เป็นไร ถือเป็นปริศนาให้เราตามหาจิ๊กซอว์มาเติมให้ครบในปีหน้า
แบ่งพาร์ทให้ความทุกข์แล้ว ก็อย่าลืมแบ่งพาร์ทให้ความสุขด้วย อะไรที่ทำแล้วเราฉีกยิ้มได้มาก หัวเราะออกมาสุดเสียง จนรู้สึกว่าไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลย จดสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ จดสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ถือเป็นเรื่องดีที่หาความสุขเจอ เพราะสำหรับบางคน ความสุขอาจหายากพอ ๆ กับงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ
นิสัยใจคอเราเปลี่ยนไปแค่ไหน?
หากใครเคยเขียน New Year’s Resolution เวลานี้เหมาะที่สุดแล้วในการนำกลับมาเปิดดูสิ่งที่ตัวเราคาดหมายเอาไว้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ว่าเราอยากทำอะไร อยากเปลี่ยนตัวเองไปในทิศทางไหน และจุดสำคัญคือ ตัวตนของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?
บางคนตั้งปณิธานว่า ปี 2023 จะออกไปวิ่งให้ได้สัปดาห์ละ 1 – 2 ชม. อาหารบนจานจะมีสีเขียวเพิ่มมากขึ้น จะไม่นอนดึก จะเป็นคนที่ใจเย็นลง (ในกรณีที่เป็นคนไฟติดง่าย) หรือต้องการฝึกการระมัดระวังคำพูดให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ไปทิ่มแทงคนอื่น
ของคุณคงไม่มีแบบที่กล่าว แต่เอาเป็นว่า สัก 100% ให้คะแนนตัวเองกันเท่าไร?
ประเด็นสำคัญคือ เป้าหมายที่เราขีดเขียนกันเอาไว้มันเป็นเพียงลายลักษณ์อักษร แทบจะไม่มีผลในแง่ของการปฏิบัติจริงเลย เพราะเรารู้กันดีว่าสิ่งที่โน้มน้าวใจเราได้ดีที่สุดคือ กิเลสของตัวเราเองนั่นแหละ
ความจริงก็จะออกไปวิ่งนะ แต่เลิกงานก็เหนื่อยแล้ว ความจริงก็อยากกินผักเพิ่มนะ แต่ไว้มื้ออื่นก็ได้มั้ย จริง ๆ ไม่ได้อยากนอนดึกเลย แต่ซีรีส์เรื่องนี้มันฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ดูเดี๋ยวเขาก็คนอื่นไม่รู้เรื่อง...
คำว่า “แต่” คือ ข้ออ้างที่เรามักหยิบมาใช้เพื่อหาเหตุผลให้ตัวเองอยู่เสมอ ๆ เอาเป็นว่าสำหรับใครที่ยังก้ามข้ามคำ ๆ นี้ไม่ได้ ก็จงพยายามต่อไป เรียนตามตรงว่า ชีวิตไม่ได้ให้โอกาสเราใช้คำว่า “แต่” ไปตลอดหรอกนะ
ทั้งนี้ เรื่องนิสัยเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงอยู่กับหลายอย่างมาก การงาน ความสัมพันธ์ เงินในกระเป๋า ปากท้อง ล้วนมีอิทธิพลต่อนิสัยใจคอของเราอย่างคาดไม่ถึง ลองประเมิณตัวเองดูว่า ตัวเราเมื่อต้นปี กลางปี และปลายปี เฉดนิสัยเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ดีขึ้น = เท่าทุน ให้มองแบบนี้ไปเลย แต่หากนิสัยไม่ดีที่เราอยากแก้ไขยังคงมีอยู่ เอาจริง ๆ ก็ไม่มีวิธีอื่นนอกจากให้เลิกนิสัยไม่ดี ไม่มีใครอยากเป็นคนนิสัยไม่ดี คำถามที่ว่าเลิกยังไง คงตอบไม่ยาก หากเราตั้งใจจะตอบ และตั้งใจจะทำมันจริง ๆ ...
ความสัมพันธ์ยังราบรื่นดีไหม?
สำหรับคนโสด หากยังไม่มีใครมาเคาะประตู ไม่เป็นไร ปีหน้าว่ากันใหม่ คิดในแง่ดี เวลาจะช่วยค้นหาสิ่งที่ใช้สำหรับเราจริง ๆ ก็ได้ ให้เวลาตัวเองได้พักบ้าง วิ่งตามคนอื่นมันกินแรงเยอะใช่เล่นอยู่เหมือนกัน
คนมีคู่ รักกันหวานชื่นคงไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แต่อยากให้ลองถามตัวเองว่า ในทุกวันของความสัมพันธ์เราทำดีในฐานะคนรักหรือยัง โอเคอาจจะมีบางวันที่แย่ ทะเลาะ แต่สุดท้ายยังหันกลับมาเปิดใจคุยกันหรือไม่
ทั้งนี้ หากเราทำดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายเราจะรู้ตัวเองดีที่สุดว่า “เราทำดีแล้ว” แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความสัมพันธ์โอเคดีก็ไม่มีอะไรต้องกังวลนะ
นอกจากคู่รักแล้ว มิตรภาพความสัมพันธ์ของเพื่อนฝูง พ่อแม่ก็สำคัญเหมือนกัน ยิ่งสนิทกันยิ่งต้องดูแลกันให้ดี ๆ การจะหาใครสักคนที่คุยกับเรารู้เรื่องถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์
ใครบ้างที่จากไป ใครบ้างที่ยังอยู่?
เข้าสู่หัวข้อ sensitive ชวนเรียกน้ำตา ว่ากันว่ายิ่งโตเพื่อนสนิทที่มีจะร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ จากแก๊งเพื่อนกลุ่มใหญ่ เมื่อแยกย้ายกันไปทำงาน พบปะเพื่อนฝูงกลุ่มใหม่ กลุ่มเก่าเมื่อขาดการติดต่อกันไป เส้นชีวิตก็จากกันไปโดยปริยาย
สิ่งที่อยากจะบอกคือ ให้รีเช็กคนรอบตัวเราก่อนว่าตอนนี้ยังมีใครอยู่เคียงข้างเราบ้าง น้อย-มาก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากยังมีอยู่ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าคุณโชคดีแล้ว ที่ยังมีคนคอยให้คำปรึกษาเวลาอ่อนล้า ในช่วงที่หัวใจไม่แข็งแรง
ทว่า คนที่เดินออกจากชีวิตเราไปแล้ว ระหว่างวิ่งตามไป (ที่ไหนก็ไม่รู้) กับปล่อยให้เป็นไปตามจังหวะเวลาของชีวิต คุณสามารถเลือกได้ บางครั้งเรามักโทษตัวเองที่รักษาใครไว้ไม่ได้ อยากให้ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ให้กำลังใจตัวเองว่าเราพยายามรักษาใครคนนั้นไว้เต็มที่แล้ว แต่เมื่อนกจะบิน เราก็ต้องปล่อยให้นกบิน อย่าฝืนธรรมชาติเลยนะ...
การงาน / การเงินเป็นอย่างไรบ้าง?
2 สิ่งนี้เป็นฟันเฟืองที่ยึดโยงกันอย่างแยกไม่ออก เงินคือสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิต ขับเคลื่อนให้เราไปเจอสิ่งใหม่ ๆ แต่ต้องแลกกับการทำงาน สิ่งนี้คือเรื่องปกติ
ประเด็นสำคัญคือ ในปีที่ผ่านมาเราพึงพอใจใน performance ของตัวเองแค่ไหน ผิดพลาดเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงแล้ว ลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ สิ่งไหนต้องการปรับปรุง แก้ได้ก็พยายามแก้ เพราะผลประโยชน์ไม่ได้ตกที่ใคร
นอกจากนี้ เราจะได้เริ่มปีใหม่ด้วยอวิชชาที่แก่กล้ากว่าเดิม ให้หัวหน้างานแปลกใจ เพื่อรวมงานมองเราใหม่ เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็จะตามมาเองทีหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ “การบริหารเงิน”
หาเงินได้มากเป็นล้าน แต่ถ้าบริหารไม่เป็น ก็ไม่มีค่าอะไร สมัยนี้มีเทรนด์ที่มาแรงซึ่งแนะนำว่า ให้เก็บเงินไปด้วยเที่ยวไปด้วย อย่ามัวแต่ทำงาน เพราะเดี๋ยวอายุเยอะขึ้นแล้วจะเที่ยวไม่ไหว
อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เอาเป็นว่าเก็บเงินไปทุ่มกับสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นก็น่าจะดีต่อใจแล้วล่ะนะ
นิยามความสุขเปลี่ยนไปหรือไม่?
ขอบอกก่อนว่าความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สุขของบางคนมีราคาแพง สุขของบางคนแทบไม่มีค่างวด มันขึ้นอยู่กับว่าเราพึงพอใจกับสิ่งสร้างสุขแค่ไหน
เราเห็นกันบ่อยในสังคมที่คนที่มีพร้อม แต่ยังไม่พึงพอใจ กลับกัน คนที่มีน้อย ทว่า หน้าตาอิ่มสุข ตื่นเช้าด้วยอารมณ์สดใส แม้ชีวิตจะต้องออกไปต่อสู้อยู่ แต่เมื่อใจมันแข็งแรงเต็มร้อย ฝนตกฟ้าผ่าอย่างไร เราก็พร้อมสู้ทั้งนั้น
มีสิ่งหนึ่งที่ย้อนแย้งกันในเรื่องนี้คือ ความสุข ให้รีบตามหา - ไม่ต้องรีบตามหา (งงล่ะสิ) ในความหมายว่า ถ้าคุณเจอเรื่องที่ทำให้คุณมีความสุขเร็ว นับว่าโชคดีมาก ยินดีด้วย อีกแง่หนึ่ง หากยังไม่เจอ ไม่ต้องเค้นมากเกินไป ปล่อยชีวิตล่องพลิ้วไหวไปกับสายลม ไม่ได้ล่องลอยนะ แต่เราจะใช้ชีวิตแบบสบาย
ทั้งนี้ จากการอ่านสัมภาษณ์ของหลาย ๆ ท่านผ่านสื่อต่าง ๆ บอกตรงกับว่า ความสุขที่ค้นพบ มันเรียบง่ายธรรมดาเหลือเกิน มันรู้สึกเบา รู้สึกเย็น รู้สึกง่วง ตื่นเช้า กินอาหารร้อนกรุ่น แต่มันก็แล้วแต่คุณนะ ลองดีไซน์ความสุขของคุณเอาเอง...
ได้เรียนรู้อะไรในปี 2023 บ้าง?
ข้อสุดท้ายเป็นพาร์ทของคุณแล้ว ตอบคำถามนี้สามารถใช้เวลาได้เต็มที่ ลมเย็น ๆ แล้วลองนั่งตกผลึกดู ไม่ต้องรีบร้อน เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายก็ได้
แต่อยากจะบอกว่า...
คุณทำดีที่สุดแล้วนะ! ยิ้มสักท้ายปีกันเถอะ ปีหน้าว่ากันใหม่ :)
เนื้อหาที่น่าสนใจ