อีดิธ ปียัฟ ดาวค้างฟ้าแห่งชาติฝรั่งเศส ที่ชีวิตถูกหนามของกุหลาบ "ทิ่มแทง" เมื่ออายุ 3 ขวบเธอเคยตาบอด แต่ได้รับอำอวยพรจากโสเภณี จากดวงตามืดบอด โลกของเธอก็สว่างไสวอีกครั้ง ก่อนจะมืดดำตลอดกาล ติดตามเรื่องราวชีวิตของเธอได้ที่บทความนี้
“นิยามความรักของฉัน อาจหมายถึงการสู้รบ การโกหกหน้าด้าน ๆ และการตบหน้าสักสองสามครั้ง”
หากจะพูดถึงนักร้องหญิงแห่งฝรั่งเศส เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีชื่อของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สูงเพียง 142 เซนติเมตร ท่าทางเก้งก้าง แต่เสียงทรงเสน่ห์ กังวาน กว้างไกล อุ้มชูแฟนเพลงมาทุกยุคทุกสมัย เธอคนนั้นคือ “อีดิธ ปียาฟ” ดาวค้างฟ้าแห่งชาติฝรั่งเศส
เนื่องในโอกาส ครบรอบวันเกิดของ “หญิงแกร่ง” ผู้นี้ Spring News ชวนย้อนเวลา รู้จักเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เติบโตเป็นสาว กระทั่งทะยานสู่ดาว และกลายเป็น “นกกระจอกน้อย ที่สวรรค์ไม่รัก” ติดตามได้ที่บทความนี้
ถูกเลี้ยงโดยนางคณิกา
อีดิธ ปียาฟ เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 1915 เด็กน้อยปียัฟเป็นเด็กที่กำพร้าแม่ตั้งแต่เกิด เธอไม่เคยเห็นใบหน้าของเธอตั้งแต่จำความได้ ทำให้ชีวิตวัยเด็กของปียัฟเติบโตมากับคุณย่า ซึ่งเป็นผู้ดูแลซ่องในย่านนอร์มังดี (Normandy)
เธอจึงถูกรายล้อมไปด้วยหญิงงาม ที่คอยให้บริการความสำราญทางเพศแก่บุรุษมาตั้งแต่เธอเด็ก ๆ ลองจินตนาการดูว่า พ่อและแม่ของเด็ก ไม่ว่าในสังคมไหน หรือยุคสมัยไหน ก็มักจะพยายามเบี่ยงลูกออกจากเรื่องเพศอยู่ตลอด
ทว่า เด็กน้อยปียาฟต้องซึมซับ “เรื่องของผู้ใหญ่” มาตั้งแต่เธอยังเด็ก แม้ในช่วงแรกเธอจะยังไม่รู้เรื่องมากนัก เพราะเธอมีอาการป่วยทางสายตา แต่หูก็ยังทำงานอยู่ เสียงกิจกรรมก็คงไม่แคล้วลอยกระทบให้เธอได้ยินบ้าง ไม่มากก็น้อย
เคยตาบอด
ในปี 1918 อีดิธ ปียัฟ แพทย์วินิจฉัยว่า เธอมีโรคแทรกซ้อนจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบทำให้ดวงตาของเธอบอดสนิทอยู่ 4 ปี
ทว่า ชีวิตลิขิตให้เธอเปล่งประกาย มีเรื่องเล่าว่า อาการตาบอดของ อีดิธ ปียัฟ กลับดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะโสเภณีคนหนึ่งเห็นเด็กน้อยปียัฟแล้วเกิดความสงสารอาวรณ์ เธอจึงสวดมนต์ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อคืนดวงตาให้กับเด็กน้อยปียัฟอีกครั้ง
จนกระทั่งปียัฟอายุได้ 7 กะรัต ดวงตาของเธอก็เห็นภาพตรงหน้าได้อย่างแจ่มแจ้งอีกครั้ง...
นักร้องพเนจร
ช่วงนี้เป็นช่วงที่พรสวรรค์ของเธอเริ่มเผยออกมาให้คนรอบข้างได้เห็น เพราะหลังจากที่อาการตาบอดของเธอหายเป็นปลิดทิ้ง เธอก็เริ่มไปยืนร้องเพลงตามท้องถนนเพื่อแลกเบี้ยหอยเลี้ยงท้องประทังชีวิต
ต้องบอกว่า การเปิดการแสดงแบบกองโจรบนท้องถนนของฝรั่งเศสในเวลานั้น ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มีเรื่องเล่าว่าเธอก็ใช้ความอัธยาศัยดีของเธอเพื่อไปตีซี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนในที่สุดตำรวจก็อนุญาตให้หนูน้อยปียีฟ ขับร้องเพลงเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพได้
ในปี 1929 ปียัฟอายุได้ 14 กะรัต พ่อก็เริ่มพาเธอไปทำการแสดงบนท้องถนนทั่วปารีส แต่การแสดงมิได้จำกัดอยู่แค่การร้องเพลง จากข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ ระบุว่า เธอต้องแสดงกายกรรม รวมถึงขับร้องเพลงไปพร้อม ๆ กัน
เป็นแม่ตอนอายุ 17
จุดเปลี่ยนแรกในชีวิตของอีดิธ ปียัฟ ที่ตอนนี้เริ่มแตกเนื้อสาวแล้ว ในปี 1932 เธอพบรักผู้ชายคนหนึ่ง นามว่า Louis Dupont ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน และย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันในห้องรูหนู ร่วมกับ Momone น้องสาวต่างแม่ของปียัฟ
จึงเกิดเป็นลูกคนแรกของปียัฟ ทว่า ปียัฟได้ลิ้มรสความเศร้าครั้งใหญ่ในชีวิต เพราะลูกคนแรกของเธอเสียชีวิตในอีก 2 ปีถัดมา ด้วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แบบเดียวกับที่เธอเคยเป็นตอนครั้นวัยเยาว์
จากดิน สู่ดาว
ในวันหนึ่งบนถนนย่าน Pigalle อีดิธ ปียัฟ ขณะกำลังขับร้องเพลงอยู่ เสียงสวรรค์ของเธอไปสะกิดหูของ Louis Leplee เจ้าของไนต์คลับ ผู้มีเส้นสายในแวดวงกลางคืน
มีเรื่องเล่าว่า ไนต์คลับของลูอิส มีคนแทบทุกชนชั้นแวะเวียนมาเที่ยวเพื่อรับฟังเสียงร้องของนักร้องที่ลูอิสเตรียมไว้ให้ และดื่มด่ำกับน้ำเมา
หลายท่านอาจทราบดีว่าอีดิธ ปียัฟ ไม่ค่อยสูงเท่าไรนัก เธอมีส่วนสูงเพียง 142 เซนติเมตรเท่านั้น เธอจึงได้รับฉายาจากลูอิสว่า “La Mome Piaf” ซึ่งมีความหมาย “นกกระจอกน้อย” ลูอิสมองว่าเธอมีเสียงที่ทรงเสน่ห์แถมตัวเล็ก ก็เป็นชื่อนั้นไปเลยแล้วกัน ปียาฟใช้ชื่อนั้นตลอดชีวิต กระทั่งเธอลาลับโลก
จนกระทั่งในที่สุด ลูอิสก็ได้เปิดตัวปียาฟให้กับแขกในไนต์คลับให้ได้รู้จัก ทันทีที่ปียาฟเปล่งเสียงออกมา แขกในร้านถึงกับ “เหวอรับประทาน” ผู้หญิงตัวเล็กกระจ้อยร่อย ทว่า มีน้ำเสียงที่กินใจ และทรงเสน่ห์เป็นไหน ๆ
มือเปื้อนเลือด หรือแค่ข้อครหา?
ผู้มีพระคุณของเธออย่าง “ลูอิส” ถูกฆาตกรรม ต้องบอกว่าตอนนี้ปียาฟ โด่งดังเป็นพลุแตกแล้ว เสียงร้องของเธอดังกระฉ่อนไปทั่วฝรั่งเศส มีคนรู้จักเธอมากขึ้น ทว่า การถูกฆาตกรรมของลูอิส เสียงซุบซิบในสังคมพูดกันจนกลายเป็นเสียงดังว่า อีดิธมีเอี่ยวกับการตายในครั้งนี้หรือเปล่า?
จากนักร้องที่กำลังรุ่งสุดขีด เจอกระแสคดีฆาตกรรมเข้าไป อีดิธ ชีวิตตกต่ำเป็นครั้งแรก ปียาฟต้องกลับไปร้องเพลงตามร้านอาหารดังเดิม ในภาพยนตร์เรื่อง La Vie En Rose เล่าว่าเป็นฝีมือของเพื่อนปียาฟ แต่ทำอย่างไรได้ เมื่อคุณเป็นคนดัง สื่อก็กระพือข่าวคุณอยู่แล้ว
ชีวิตรักดั่ง “หนามแทงใจ”
รักแรกของเธอตอนอายุ 17 ต้องจบลงด้วยความผิดหวัง เมื่อลูกสาวต้องจากไปด้วยวัยเพียง 2 ขวบ กระทั่งต่อมาเมื่อชื่อเสียงของปียาฟเริ่มดังเป็นวงกว้าง เธอได้ปลูกต้นรักกับนักแสดงชาวฝรั่งเศสชื่อว่า “พอล เมอริส” (Paul Meurisse)
แล้วก็น่าจะพอกันได้ว่าจะจบลงอย่างไร? ปียาฟกับพอลคบหากันได้แค่สองปี กันเป็นอันต้องเลิกรา รักครั้งถัดมาของปียาฟเกิดขึ้นกับนักแต่งเพลงชื่อดัง ออนรี คอนเตต (Henri Contet) ก็ยังไปไม่รอดอยู่ดี
รักใหม่อีกครั้งของปียาฟ ครานี้ผู้ชายเป็นนักมวยสากล นามว่า “มาร์เซล เซอร์ดัน” รักครั้งนี้ดูแววว่าจะไปกันรอด ทว่า ปียาฟก็มาล่วงรู้ทีหลังว่า ชายผู้นี้มีพันธะ ซุกลูกเมียเอาไว้ แต่ปียาฟก็หลงรักมาร์เซลจากใจจริง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เธอเองเป็น “ที่สอง”
กระทั่งในปี 1949 มาร์เซล ก็โบกมือลาปียาฟตลอดกาล ไม่ได้จากเป็น แต่ “จากตาย” นักมวลผู้นักประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิต การเสียชีวิตของมาร์เซลรักลับ ๆ ของปียาฟทำให้ชีวิตของเธอเริ่มดำดิ่งลงสู่ห้วงความเศร้า ที่มิอาจกู้คืนได้อีก
ฉากจบของ “นกกระจอกน้อย” ที่สวรรค์ไม่รัก
ความเศร้าโศกที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิตของ “อีดิธ ปียาฟ” ทำให้หันหน้าพึ่งยาเสพติด และแอลกอฮอล์ เหมือนโชคชะตาลิขิตไว้ ชีวิตเร่มต้นจากดิน ทยานขึ้นสู่ดาว แบกรับปัญหาที่ถาโถมไม่ไหว
หนึ่งสิ่งที่ไม่โสภาเลยคือ อีดิธ ปียาฟ แม้จะไม่เคยพบแม่ของเธอเลย แต่กลับมีคำบอกเล่าว่า แม่ของเธอก็เป็นผู้หญิงไม่เอาไหน ติดเหล้า ยาเสพติด ยาพิษพวกนี้ นอกจากจะทำลายใจ ยังทำลายกายอีกด้วย
ในช่วงบั้นปลาย ปียาฟเริ่มป่วยเป็นโรคข้ออักเสบ มีอาการนอนไม่หลับ ร้ายแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดกะเพราะอาหารและตับ ที่พังอย่างไม่มีชิ้นดี เพราะพิษแอลกลอฮอล์ แต่สุดท้ายเธอก็ทนพิษใจและพิษกายไม่ไหว
วันที่ 10 ตุลาคม 1963 อีดิธ ปียาฟ จากไปอย่างสงบ ด้วยวัยเพียง 47 ปี
แม้จะบอกว่า เธอเป็น นกกระจอกน้อย ที่สวรรค์ไม่รัก แต่ในฐานะแฟนเพลงคนหนึ่ง ที่พอได้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ได้ฟังเพลงที่เธอสื่อสารออกมาแล้ว สวรรค์จะไม่รักก็ช่างปะไร
อีดิธ ปียาฟ กลายเป็นนักร้องในดวงใจ และกลายเป็นที่รักคนทั่วโลก “ตลอดมาและตลอดไป”
ที่มา: Discoverwalks
เนื้อหาที่น่าสนใจ