ดนตรีเป็นของทุกคน : SRIRAJAH ROCKERS แหลมคมปรัชญาปรัชญีชีวิต ดี เล็กแต่ทรงพลัง ไม่ต้องทฤาฎีดนตรีเยอะ แต่ทะลุเข้าหัวใจ เหล่า "ร็อกเกอร์ส"
ดนตรีที่ไม่ซับซ้อนในทางเดินคอร์ท ทฤษฎีดนตรีไม่ต้องมาก...เบสเดินตามจังหวะกลองแบบหนึบๆเหนียวๆ กีตาร์สับตามบีท ขณะที่เครื่องเป่าใส่สีสัน เติมเสน่ห์ทำนองอันเป็นเมโลดี้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีเรกเก้เข้าไป แต่มันน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน ที่ ทุกส่วนผสมพอบวกกันมันช่างลงตัว เสียงเพลงของพวกเขา SRIRAJAH ROCKERS "น้อยแต่มาก" มันได้ Insert แทรกซอนเข้าไปในหัวใจของเหล่า "ร็อคเกอร์ส" , เรียกได้ว่า ทุกคนพร้อมที่จะ "เติม" ความเต็มเหนี่ยวให้กับค่ำคืน พร้อมๆกับเสียงเพลงของพวก "สีชา"
เป็นเรื่องง่ายๆที่ไม่ซับซ้อนอะไรเลย ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ ไม่ต้องรู้จักเนื้อเพลงมาก่อนก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากเปิดใจได้ฟังดนตรีจาก วง SRIRAJAH ROCKERS ที่บรรเลงแบบสดๆ ที่ร่ายระบำในงาน "เล็ก Is More" แล้ว ก็คงไม่อาจหยุดยั้งร่างกายตัวเองให้ขยับสะโพก ไม่อาจหยุดยั้งสั่งเท้าของตัวเองให้ขยับ ซ้าย-ขวาๆ หรือ จะเป็นเดินหน้าถอยหลัง แล้วแต่ใจบันดาล , แล้วก็คงไม่อาจยับยั้งตัวเองให้โดดไปกับจังหวะเร้าของกลองในท่อน Bridge เพื่อส่งไปยังท่อน Chorus ไปตามจังหวะดนตรี ได้เลย
สรุปง่ายๆ เหล่า "ร็อคเกอร์ส" ทั้งหลายที่มาในงาน "เล็ก Is More" พร้อมที่จะจอยไปกับดนตรี ทุกเพลง ทุกท่อน ทุกโน้ต และทุกเนื้อเพลงที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ หากใครที่ไม่ได้ติดตามวงการเพลงแบบเป็นสายลึก อย่างเพิ่งงงงวยสับสน กับคำว่า "ร็อคเกอร์ส"...เพราะคำว่า SRIRAJAH ROCKERS นั้น มันไม่ได้หมายถึง "เพลงร็อก" หรือคนฟังเพลงร็อก แต่อย่างใด แต่ "ร็อกเกอร์ส" ที่ห้อยท้ายชื่อศรีราชาในที่นี้ มีที่มาจากหนัง Rockers: It's Dangerous (1978) หนังเก่าที่เล่าถึงจิตวิญญาณ แก่นราก "เร็กเก้" อย่างแท้จริง รวมไปถึงปรัชญาของ Rastafari กลุ่มชนกลุ่มหนึ่ง หรือเป็นที่รู้จักกันดีในสัญลักษณ์ผ่านธง สีเขียว เหลือง แดง ในจาไมกา , ในเมื่อดนตรีคือความเสรี หากจะบอกว่า มันเป็น ร็อค ก็พอได้ แต่มันเป็น ร็อค ในหัวใจคนกลุ่มหนึ่ง แม้มันไม่มี ดนตรีเพลงสไตล์ร็อกอย่างที่ทุกคนรับรู้เลยก็ตาม...แต่มัน ร็อกเกอร์ในหัวใจของคนจาไมกา นั่นเอง , ดังนั้น จะเรียกกลุ่มคนที่ ฟังเรกเก้ มีจิตวิญญาณเป็นเรกเก้ ก็คงไม่ผิด
ว่ากันที่เรื่องของดนตรีมันไม่มีพรมแดนอยู่แล้ว แล้วยิ่งเป็น เรกเก้ แล้ว ถึงแม้ตลาดเพลงในไทยจะไม่กว้างเท่าป็อป , ฮิปฮอป , หรือ ร็อคแบบเมื่อ 20-30 ปีก่อน แต่จากฝีมือการแสดงสดที่ขึ้นชื่อว่าเด็ด ของ สีชาดิวะ มันสามารถการันตีถึงความ จอยไลฟ์ ปั๊มตราความม่วนจอยไว้ได้เลย ทุกเพลงปลุกความสุนทรีในเสียงเพลงของผู้ชมขึ้นมาได้เสมอๆ...ไม่ว่าคุณจะเป็นคนฟังเพลง เรกเก้ อย่างลึกซึ้ง หรือไม่ก็ตาม
ไม่ต้องมีเครื่องดื่มเพิ่มรสอารมณ์ก็ได้ แต่ก็สามารถพลิ้วไหวไปตามเพลงได้เลย (หรือใครจะมี เครื่องดื่ม เติม อรรถรส ข้อนี้เงื่อนไขนี้ก็สุดแท้แต่ความชื่นชอบของแต่ละคนไป...ไม่มีใครบังคับกัน) ช่วงเวลาที่เข็มนาฬิกาหมุนตั้งแต่ 19.00 น จนถึงเกือบๆ 22.00 น.มันช่างเร็วเหลือเกิน แต่ก็ไม่แปลกเลย เพราะเวลามันเดินไปตามสัมพัทธภาพ ยิ่งเราสนุกมันยิ่งผ่านไปไว
บรรยากาศ Glowfish Workplace ไลฟ์เฮาส์ขนาดกะทัดรัด แต่รู้สึก comfortable และเป็นมิตรกับนักฟังเพลง ฮอลล์เล็กๆ แต่โอบกอดคนดูคนฟังอย่างอบอุ่น (แถมเดินทางง่าย...BTS ช่องนนทรี ใครคิดจะไป ไม่นานเกินรอก็ถึง) , เครื่องเสียงและซาวน์ที่มิกซ์ผสมเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงจุดไหน ก็สามารถ "ยิน" โน้ตทุกโน้ต เนื้อเพลงทุกเนื้อเพลง และ ไรม์ทุกไรม์ อย่างชัดเจนเฉียบคม , ขณะที่แสงไฟก็มีลูกเล่นมีกิมมิกมาแบบเหมาะสม ตามคอนเซปต์ไอเดียที่เป็นสารตั้งต้น เล็กน้อยแต่ทรงพลัง และเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วย "ปรัญชาปรัญญี" ของ วิน ศรีราชาร็อคเกอร์ เหมือนจะ ยาก แต่ มันย่อย มาแล้วให้เข้าใจง่ายๆ ช่วยโอบอุ้มโชว์ทั้งโชว์ได้อย่างพอดี
ขณะที่ โชว์ของมวลรวมของ SRIRAJAH ROCKERS เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เร่งเร้าให้ทุกคนโยกขยับ ไปกับเพลงที่เป็นที่รู้จักในหมู่คนฟัง อาทิ Hi Speed Love , Destroy Babylon , อิสระเสรีที่คุณไม่มีวันเข้าใจ, พรรณลำพัง, พรสีชา หรือ ไฟเย็น หรือ เพลงใหม่ อย่าง สัตว์ประเสริฐ ส่วนแขกรับเชิญอย่าง B-King และ Rhymekhamhaeng’ (ไรห์มคำแหง) มาเติมเต็มให้โชว์มีสี มีกลิ่นที่ต่างจากความเป็นเรกเก้ออกไปได้ดี
โชว์ของ SRIRAJAH ROCKERS "น้อยแต่มาก" เล็กน้อยในโน้ตแต่มันก็ทรงพลังทางใจ
ตอกย้ำว่า พลังจากเรื่องเล่า แรงผลักดันจากเพลงดี ๆ ไม่ว่าจะวงไหนก็ตาม สามารถขยับปรับเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้
อย่างน้อย...บทเพลงมันก็ทำให้เรา มีแรง มีพลัง ในการใช้ชีวิตต่อไป มันปลุกพลัง และสร้างประสบการณ์ที่ฝังในรอยความทรงจำคนฟังเพลงคนหนึ่ง
ภาพจาก The PEOPLE