อาหารไทย สไตล์เอเชียนทวิสต์ กับรสชาติที่คุณคุ้นเคยในรูปแบบการนำเสนอที่แปลกไป และได้รับ มิชลินไกด์ Restaurant Coda
“Restaurant Coda” ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ที่มีการนำเสนอที่น่าสนใจ กับชื่อเมนูที่คุ้นเคย และวัตถุดิบจากแหล่งกำเนิดท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ถึงแม้ชื่อเมนูจะคุ้นหู แต่เชื่อเถอะไม่คุ้นตาแน่นอนไม่ต้องแปลกใจถ้าเราจะได้ยินชื่อเมนู ต้มยำกุ้ง ต้มเกี่ยมบ๊วย แกงเผ็ดเป็ดย่าง หรือของหวานอย่างกล้วยบวชชี แต่หน้าของอาหารมาในรูปแบบ So Cute ที่ถึงแม้มาวางอยู่ตรงหน้าก็ยังเดาไม่ออกว่านี่หรือคือ เมนูอาหารที่เราคุ้นเคยและเคยกินมาแล้วทั้งนั้น
“Coda” เป็นร้านอาหารสไตล์เอเชียนทวิสต์ที่รังสรรค์โดย “เชฟแท็ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล” ที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในครัวที่เป็นร้านอาหารของคุณแม่ย่านมหาชัย และความถนักของเชฟแท็ป ก็คือ“เมนูเป็ด” จานหลักของที่นี่
เริ่มที่ Snack 3 คำ
-ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ภายนอกคือปลาหมึกกระดองแล่บาง นำมาม้วนเข้ากับ ไข่เค็มไชยา สุราษฎร์ธานีและมีรสชาติของ ไชเท้าดองด้านใน วางเสริฟบนแผ่นมันฝรั่งกรอบ หน้าตารวมๆคล้ายกับขนมเปี๊ยะลูกเล็กๆ
-ยำปลาทูย่าง ใช้เนื้อปลาทูจากสมุทสาครมาปรุงรสกับสมุนไพรไทย เสิร์ฟมาในรูปแบบของบีทรูททาร์ต ด้านบนที่เห็นเป็นสีม่วงๆคือ บีทรูทพาวเดอร์ ที่เราดูไม่ออกว่ามันจะเป็นปลาทูได้อย่างไร พอกัดเข้าไปก็เลยทำให้เราประทับใจในคำนี้มากๆ
-ปูม้าผัดพริกไทยดำ โดยข้างในจะเป็นเนื้อปูม้านำไปผัดกับหอมใหญ่และแอปเปิ้ล topping ด้วยคาเวียร์จากสิงคโปร์
เสิร์ฟที่ 2 ต้มเกี่ยมบ๊วย
จานที่นำมาวางเราเห็นว่ารูปร่างคล้ายกับขนมไทยโบราณอย่างช่อม่วง และจานนี้ได้มีการเติมน้ำซุปกระดูกหมูกระดูกไก่และบ๊วยโครงการหลวง แค่ได้ซดน้ำซุปร้อนๆที่มีกลิ่นบ๊วยก็ทำให้เรารู้สึกสดสชื่นขึ้นมาจากร่างกายที่อ่อนล้ามาทั้งวัน
เสิร์ฟที่ 3 ต้มยำกุ้ง
เราจะเห็นกุ้งลายเสือชิ้นอวบอั๋น แค่มองด้วยตาก็รู้สึกถึงความเด้งของเนื้อและยิ่งรู้ว่าเชฟเลือกมาจากฟาร์มของตัวเองที่มหาชัยแล้วก็การันตีเรื่องความสดได้เลย ด้านล่างนั้นมีข้าวปั้น และ เสริฟแบบซูชิ มีข้าวปั้น
และแป้งซาวโดว์ กรุปกรอบ จัดจานมาในรูปแบบของซูชิ และสุดท้าต้องราดด้วยซอสต้มยำ ตัดกินแบบทั้งคำได้ความรู้สึกถึงต้มยำที่มีความกรอบและเผ็ดร้อนไปในเวลาเดียวกัน
เสิร์ฟที่ 4 ส้มตำไก่ย่าง
จานนี้เซอไพรส์มากๆ เพราะทายอย่างไรก็คงไม่ถูก เพราะมาในรูปแบบคล้ายๆกับไอศกรีม เชอร์เบต์ มีแครอท บัตเตอร์แครกเกอร์ กุ้งอามาบิ ญี่ปุ่นหั่นจิ๋ว สำหรับจานนี้ก่อนจะกินต้องใช้ช้อนบี้หรือตำคล้ายๆกับการตำส้มตำในครก เก๋มากๆ แล้วรสชาติคือส้มตำที่มีความเย็นและสดชื่น ส่วนไก่ย่างของจานนี้ก็เป็นไก่ออแกนิคส่งตรงมาจากเขาใหญ่ เชฟใช้วิธีย่างบนเตาถ่าน และข้าวเหนียมที่ซ่อนอยู่ในไก่นั้นก็เป็นข้าวญี่ปุ่น หน้าตาของคำนี้จึงออกแนวซูชิ
เสิร์ฟที่ 5 ก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวปลา
โดยพระเอกของจานอย่างปลาชิ้นโต เชฟเลือกใช้ปลาคิมเมได ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมสูงในอาหารญี่ปุ่น เพราะเนื้อสีขาวและให้รสชาติหวานเล็กน้อย โฟมที่เห็นอยู่นั้นทำมาจากขิง และเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ธรรมดาเพราะเส้นเหล่านี้ได้มาจากการนำน้ำข้าวสาร ส.เขมราฐ มาผลิตเป็นเส้น และราดน้ำสต๊อกจากปลาคิมเมได สำหรับจานนี้เฟรมชอบเนื้อปลามากๆเพราะหนังด้านบนมีความกรอบแต่เนื้อนปลานั้นเนียนนุ่มและละเอียดสุดๆ
เสิร์ฟที่ 6 แกงเผ็ดเป็ดย่าง
จานนี้เป็นจานที่เชฟถนัด โดยเชฟเลือกที่จะใช้เป็ดจากฟาร์มที่ระยอง นำมา Smoke Dry-Aged นานถึง 8 วัน จึงได้เนื้อเป็ดที่เรียบเนียนสีชมพู เนื้อและหนังแยกชั้นอย่างชัดเจน ส่วน Side dish เชฟก็ไม่ปล่อยผ่าน
โดยจะมีเลเยอร์ถึง 3 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นเจลลี่ที่ทำจากสับปะรด ภูแล ชั้นที่ 2 เป็นยอดมะพร้าวอ่อน และชั้นล่างสุดเป็น Japanese eggplant จานนี้ยังมีโรตีสไตล์มาเลเชียแบบกรอบๆมาให้กินคู่กับเป็ดอีกด้วย
เสิร์ฟที่ 7 ฝรั่งพริกเกลือ
ตัวไอศกรีมมีความฝรั่งที่มีรสชาติเผ็ด วางอยู่บนชอตเบรดสับปะรด Topping ด้วย white chocolate
เสิร์ฟที่ 8 กล้วยบวชชี
ไอศกรีมกล้วยหอม วางอยู่บน Coconut mouse และราดด้วยน้ำที่สกัดจากกล้วยหอม และไฮไลท์เลยนะคะ แป้งที่โรยปิดท้ายคือสิ่งดีงามที่เหมือนเราได้กินกล้วยทอดปพร้อมๆกับกล้วยบวชชี เฟรมชอบจานนี้มากๆ
เสิร์ฟที่ 9 ข้าวต้มเป็ด
เมนูนี้เป็น After Course ที่สงสัยว่าเชฟกลัวเราจะไม่อิ่ม เพราะจานนี้เติมได้แบบไม่อั้น
เสิร์ฟที่10 ลอดช่อง กระทิสด + ทองม้วนใบเตย
จบคอร์สด้วยความน่ารักฉบับมินิ ลอดช่อง กระทิสด คำนี้เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากลอดช่องวัดเจษ ที่ต้องกินเข้าไปเพียง 1 นี่ไม่ใช่คำแนะนำแต่เป็นคำเตือน (ต้องมาลองเอง) ส่วนทองม้วนใบเตย มาในรูปแบบไอศกรีมโคนจิ๋ว หอมใบเตยสุดๆ และถ่ายรู)ปิดมื้ออาหารนี้ได้น่ารักสุดไปเลยค่ะ
สำหรับ Restaurant Coda เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทย fine dining ที่เฟรมหลงรักทุกครั้งที่มา เพราะเชฟเขาทำให้รสชาติที่เราคุ้นเคยมีมิติที่ลึกไปอีกขั้น และการนำเสนอก็สนุกตลอดมื้ออาหาร รวมถึงวัตถุดิบที่เชฟ ใส่ใจทุกรายละเอียดแถมยังได้อุดหนุนจากชุมชนในจังหวัดต่างๆอีกด้วย
และสำหรับใครที่ใช้จ่ายผ่านบัตร KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี ขนมบ้าบิ่น Caviar Aviar Smoked Coconut Cream 1 ที่ มูลค่า 960 บาท
และยังได้รับคะแนน KTC สูงสุด x10* เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านอาหารที่ร่วมรายการ สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด ระยะเวลาโปรโมชั่น : 15 พ.ย. 66 - 30 เม.ย. 67
Restaurant Coda
Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 18.00-22.00 น.
Address: ถนนวิทยุ หน้าอาคารสินธร
ทุกคนสามารถติดตามการเดินทางครั้งต่อไปของเฟรมได้ที่นี่ Lifestyle Spring หรือทักทายกันได้ที่ IG:famframe
“พิธีกรที่หลงรักการเดินทาง เพื่อพบเจอ พูดคุย และได้ใช้กล้องที่รักเวลาออกทริป” by famframe