เตรียมฝากข้าวไทย ไว้ที่ห้องนิรภัยวันสิ้นโลกในนอร์เวย์
ห้องนิรภัยเมล็ดพันธุ์โลก เตรียมรับเมล็ดพันธุ์กว่า 14,000 ตัวอย่าง รวมถึงข้าวไทย และข้าวฟ่างจากซูดาน สร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารในอนาคต
SHORT CUT
- ห้องนิรภัยวันสิ้นโลก บนเกาะอาร์กติกของนอร์เวย์ เตรียมรับเมล็ดพันธุ์ใหม่ 14,022 ตัวอย่าง รวมถึงข้าวไทยและข้าวฟ่างจากซูดาน ท่ามกลางวิกฤตอาหารและสงคราม
- ห้องนิรภัยนี้ก่อตั้งในปี 2008 เพื่อปกป้องความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชจากภัยพิบัติ สงคราม และโลกร้อน โดยใช้ชั้นดินเยือกแข็งถาวรช่วยรักษาสภาพเมล็ดพันธุ์
- ห้องนิรภัยวันสิ้นโลก เคยช่วยฟื้นฟูคลังเมล็ดพันธุ์ที่เสียหายในสงครามซีเรีย และยังเป็นแหล่งสำรองให้ธนาคารพันธุกรรมทั่วโลก
ห้องนิรภัยเมล็ดพันธุ์โลก เตรียมรับเมล็ดพันธุ์กว่า 14,000 ตัวอย่าง รวมถึงข้าวไทย และข้าวฟ่างจากซูดาน สร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารในอนาคต
สำนักข่าวรอยสเตอร์ เปิดเผยว่า ห้องนิรภัยที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลกในถ้ำ ที่มนุษย์สร้างบนเกาะอาร์กติกในนอร์เวย์ เตรียมรับตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ใหม่กว่า 14,000 ตัวอย่าง ในวันอังคารที่จะถึงนี้
โดยการฝากเมล็ดพันธุ์ครั้งใหม่นี้ มีตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ 15 ชนิดจากซูดาน รวมถึงพันธุ์ข้าวฟ่างหลายสายพันธุ์ ซึ่งเป็นพืชที่สำคัญทั้งต่อความมั่นคงทางอาหาร และมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ รวมถึงเมล็ดพันธุ์จากสวีเดน และข้าวสายพันธ์ของไทยรวมอยู่ด้วย
อนึ่งว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 2023 เกิดการปะทะกันระหว่างกำลังสนับสนุนเร็ว (Rapid Support Forces) และกองทัพซูดาน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนนับหมื่น และประชาชนกว่า 12 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน ขณะที่ประชากรที่เหลือต้องเผชิญกับความยากลำบาก และขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง
ห้องนิรภัยวันสิ้นโลก มีไว้ทำไม ?
“ห้องนิรภัยวันสิ้นโลก” หรือ Svalbard Global Seed Vault ถูกสร้างขึ้นภายในหุบเขาลึกเพื่อป้องกันภัยพิบัติ ตั้งแต่สงครามนิวเคลียร์ไปจนถึงภาวะโลกร้อน โดยเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2008 เพื่อเป็นแหล่งสำรองให้กับธนาคารพันธุกรรมพืชทั่วโลก ที่ทำหน้าที่เก็บรักษารหัสพันธุกรรมของพืชนานาชนิด
ห้องนิรภัยแห่งนี้ได้รับการปกป้องด้วยชั้นดินเยือกแข็งถาวร (permafrost) และได้รับตัวอย่างเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ห้องนิรภัยนี้เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงปี 2015-2019 ในการฟื้นฟูคลังเมล็ดพันธุ์ที่เสียหายจากสงครามในซีเรีย
“เมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝากไว้ในสัปดาห์นี้ ไม่ใช่แค่ความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังเป็นตัวแทนของความรู้ วัฒนธรรม และความแข็งแกร่งของชุมชนที่ดูแลรักษาพวกมัน” สเตฟาน ชมิทซ์ ผู้อำนวยการบริหารของ Crop Trust กล่าว
ที่มา: Reuters
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
