“รอยัล ภูเก็ต มารีน่า”ลุยใช้พลังงานสะอาด100% ปี 2026 สู่แบรนด์ Green Luxury

ภูเก็ตเมืองสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ปีหนึ่งๆจะมีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนภูเก็ตมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศไทย ด้วยความโดดเด่นทั้งทะเล ธรรมชาติ  อาหารการกิน ความบันเทิงครบวงจร ความสะดวกในการคมนาคม อากาศที่ดี ผู้คนน่ารัก จึงทำให้ภูเก็ตเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตของนักท่องเที่ยวขอได้มาสัมผัส ปัจจุบันโดยเฉพาะหลังโควิด-19 การท่องเที่ยวของภูเก็ตยังเติบโตต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแนวรักษ์โลกกำลังเป็นกระแสที่กำลังมาแรง และจะแรงอีกต่อไปในอนาคต ซึ่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตก็ให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากๆ อย่างเช่น รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ที่เดินหน้ายกระดับมาตรฐานสู่ 'Green Luxury' จนได้รับการรับรองเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนต่อเนื่องเป็นปีที่สอง นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ตัวอย่างที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยมากๆ

ทั้งนี้รอยัล ภูเก็ต มารีน่า (RPM) ได้ก้าวสู่ความสำเร็จยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการได้รับการรับรองเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนเป็นปีที่สองติดต่อกันจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกหรือ (TGO) ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและบทบาทการเป็นผู้บุกเบิกในฐานะท่าจอดเรือแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียที่ได้รับการรับรองปลอดคาร์บอน มากกว่าการเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่น รอยัล ภูเก็ต มารีน่า กำลังนิยามความหมายใหม่ของ ‘Green Luxury’ หรือ ’ความหรูหราที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ที่ซึ่งประสบการณ์ระดับพรีเมียมมาบรรจบกับการใช้ชีวิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว

#SPRiNG มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายกูลู ลัลวานี ประธานบริษัท รอยัล ภูเก็ต มารีน่า เขาเล่าให้ฟังว่า รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สร้างสรรค์มากมาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมพร้อมมอบความหรูหราในระดับเวิลด์คลาส ปัจจุบันแผงโซลาร์เซลล์สามารถจ่ายพลังงานให้กับท่าจอดเรือได้มากมาย

นับได้ว่าเป็นความโดดเด่นของการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ Seabin V5 ซึ่งสามารถดักจับเศษซากลอยน้ำและไมโครพลาสติกจากแอ่งน้ำของท่าจอดเรือได้มากถึง 48 กิโลกรัมต่อวัน ด้วยความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่าจอดเรือของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า จึงยกระดับด้วยการใช้ระบบกักเก็บน้ำฝนเพื่อทำความสะอาดเรือ ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำประปาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ที่ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถชาร์จยานพาหนะของตนโดยใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 100%

จากความพยายามของรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ที่ต้องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้พลังงานสะอาดจนทำให้ขณะนี้จนทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 40 % แล้ว จากปัจจุบันที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับการดำเนินงาน 55% (ท่าจอดเรือ 55% สำนักงาน 45%) และตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ 100% ทั้งหมดในปี 2026 ส่วนแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ คือให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพอากาศที่ RPM ถือเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวไทย

ทั้งนี้เนื่องจากมลพิษทางอากาศในประเทศไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราอยู่ที่ท่าจอดเรือระดับ 8 ถึง 11 เนื่องมาจากดัชนีคุณภาพอากาศ ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามอย่างหนัก ที่ RPM เราให้ความสำคัญกับความพยายามภายในและภายนอกของเรา รวมถึงการอนุรักษ์ป่าชายเลน การปกป้องผืนดินจากการกัดเซาะทะเล การจัดการขยะ และการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากับทีมงาน

อย่างไรก็ตามได้วางแผนไว้อีกว่ปีหน้าเรือ EV 7 ลำใหม่จะถูกนำมาใช้ SeaBin ปฏิบัติการเรือ 2 ลำ และอีก 2 ลำจะมาเพิ่มเก็บขยะตลอด 24 ชั่วโมง เก็บได้เต็มที่ 48 กิโลกรัมทุกวัน วันละ 2 ลำ เป็นตัวกรองเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่ทุกคนจะลงทุน แต่เราทำ เรายังวัดข้อมูลสถิติการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นเปอร์เซ็นต์ ความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นก่อนที่ความยั่งยืนจะเกิดขึ้น เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ต้องเรียนรู้เสมอ คอยตรวจสอบ ปรับปรุงตัวเองและก้าวไปข้างหน้าเสมอเพื่อวามยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

“ปัจจุบันธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างมองหาธุรกิจที่ยั่งยืน ประเทศไทยอยู่ใน 3 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางสำหรับการหยุดพักผ่อน แต่ในทางกลับกัน ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 88 สำหรับการมุ่งเน้นด้านความยั่งยืน ซึ่งไม่ดีพอสำหรับ RPM ซึ่งต้องการเป็นผู้นำในการกระตุ้นให้ทั้งอุตสาหกรรมหันมาให้ความสำคัญ ลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งให้ประเทศไทยอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก RPM ต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทั้งอุตสาหกรรมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยความยั่งยืน”

ด้านนายซันนี่ สันธุ ผู้จัดการทั่วไป รอยัล ภูเก็ต มารีน่า เปิดเผยว่า รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ รวมถึงการรับรอง 5 Gold Anchor จาก Yacht Harbour Association และรางวัล International Clean Marina จาก Marina Industries Association ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านการให้บริการระดับหรูหราควบคู่ไปกับการรักษาแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนไว้ได้ ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะท่าจอดเรือแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลเหล่านี้

พร้อมกันนี้ยังเชื่อมั่นว่าอนาคตของความหรูหราที่แท้จริงตั้งอยู่บนความยั่งยืน รอยัล ภูเก็ต มารีน่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และยังคงมุ่งมั่นค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนโดยมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแขกของเราได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งมิใช่เพียงโมเดลธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นแนวคิดที่จะนำทางเราสู่อนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• รอยัลภูเก็ตมารีน่า ปรับปรุงเส้นทาง ดึงดูดเจ้าของเรือ-ผู้ประกอบการเรือซุปเปอร์ยอร์ชให้มาภูเก็ต

• พาชม! “รอยัล ภูเก็ต มารีน่า” ท่าจอดเรือปลอดคาร์บอน แห่งเดียวในเอเชีย

• สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ปักธงใจกลางภูเก็ต สร้างโกลบอลเดสติเนชั่นแห่งใหม่