ส่องโมเดล "ผลิตภัณฑ์นมยุโรป"ที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ หนุนส่งออกสินค้ารักษ์โลก
สินค้ารักษ์โลกมาแรงมากในตลาดโลก ประเทศไหนๆก็เร่งส่งเสริมผลิตสินค้ารักษ์โลกเพื่อการส่งออกที่ยั่งยืน รับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ อย่างเช่น Bord Bia ที่ได้จัดงานสัมมนาส่งเสริมผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ คณะผู้แทนการค้าไทยกระชับสัมพันธ์และขยายโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์นมอย่างยั่งยืน
SHORT CUT
- สินค้ารักษ์โลกมาแรงมากในตลาดโลก ประเทศไหนๆก็เร่งส่งเสริมผลิตสินค้ารักษ์โลกเพื่อการส่งออกที่ยั่งยืน
- พามาส่องโมเดลการผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ หนุนส่งออกสินค้ารักษ์โลก
- สำหรับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของไอร์แลนด์มีรากฐานมาจากการทำฟาร์มภายในครอบครัวของหลายครัวเรือนที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ซึ่งปัจจุบันมีฟาร์มที่ดำเนินการภายในครอบครัวประมาณ 17,000 แห่ง
สินค้ารักษ์โลกมาแรงมากในตลาดโลก ประเทศไหนๆก็เร่งส่งเสริมผลิตสินค้ารักษ์โลกเพื่อการส่งออกที่ยั่งยืน รับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ อย่างเช่น Bord Bia ที่ได้จัดงานสัมมนาส่งเสริมผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ คณะผู้แทนการค้าไทยกระชับสัมพันธ์และขยายโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์นมอย่างยั่งยืน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ECO Product มาแรงมากในนาทีนี้ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างมาก เรียกได้ว่าใครชิงเค้กได้ก่อนย่อมได้เปรียบ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นสินค้ารักษ์โลกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์แบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ไม่ก่อขยะหรือมลพิษให้กับโลก วันนี้พามาดูอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกที่กำลังเดินหน้าทำให้ธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด นั่นก็คือ อุตสาหกรรมนม ที่เดินหน้าก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างยุโรปและไอร์แลนด์กับประเทศไทย เมื่อคณะกรรมการอาหารแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (Bord Bia - Irish Food Board) ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาหัวข้อ ผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ (Sustainable European Dairy from Ireland)
ทั้งนี้นับได้ว่าเป็นภารกิจทางการค้าไอร์แลนด์ครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยเข้าร่วม เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งและยั่งยืนระหว่างไทยและไอร์แลนด์ในงานสัมมนาดังกล่าวมีคุณพิปปา แฮ็คเก็ตต์ (Pippa Hackett T.D.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร และการเดินเรือของไอร์แลนด์ โดยมีคุณแพทริก เบิร์น (H.E. Pat Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย และคุณจิม โอทูล (Jim O’Toole) ซีอีโอของ Bord Bia กล่าวต้อนรับ ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 48 ท่านซึ่งเป็นตัวแทนผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยเข้าร่วมงาน วิทยากรรับเชิญได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับตลาดผลิตภัณฑ์นมโลก
โดยเน้นที่การผลิตและแนวโน้มของผู้บริโภค รวมถึงความมุ่งมั่นของภาคอุตสาหกรรมนมยุโรปจากไอร์แลนด์ในการผลิตนมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมเชิงเทคนิค (Technical dairy products) ที่มีชื่อเสียงจากยุโรป ภาคอุตสาหกรรมนมของไอร์แลนด์ยังคงให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงส่วนผสมผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูงที่ไม่เพียงแต่ตรงตามมาตรฐานความยั่งยืนและความปลอดภัยระดับสูงของสหภาพยุโรปเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการด้านคุณภาพและการใช้งานของผู้บริโภคอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแคมเปญ ‘Working with nature’ ของผลิตภัณฑ์นมยุโรปจากไอร์แลนด์ ช่วยให้ Bord Bia สามารถสานต่อและขยายการสนับสนุนบริษัทในไอร์แลนด์ในการดำเนินธุรกิจในตลาดไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการส่งมอบผลิตภัณฑ์นมที่ยั่งยืน คุณภาพสูง ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการในไทยสำหรับงานสัมมนาครั้งนี้ยังนับเป็นปีที่ 3 ของแคมเปญผลิตภัณฑ์นมยุโรปและไอร์แลนด์ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปและไอร์แลนด์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไอร์แลนด์ในการเป็นต้นแบบของการผลิตอาหารที่ยั่งยืนในยุโรป
ทั้งในงานครั้งนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผลิตภัณฑ์นมยุโรปจากไอร์แลนด์ในการผลิตส่วนผสมผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม โดยวิทยากรรับเชิญจาก Bord Bia, EverAg และ Global Data ยังแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือในอนาคตระหว่างผู้ประกอบการในไทยและไอร์แลนด์
•คุณมาร์กาเร็ต บัตเลอร์ จาก Bord Bia นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์นมยุโรปจากไอร์แลนด์ในตลาดไทยและระดับโลก
•คุณทิม ฮิลล์ (Tim Hill) จาก Global Data ให้การวิเคราะห์แนวโน้มผู้บริโภคในประเทศไทยเกี่ยวกับความต้องการผลิตภัณฑ์นม เน้นถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตและโอกาสใหม่ๆ ในตลาดเอเชียแปซิฟิก
•คุณสตีฟ สเปนเซอร์ (Steve Spencer) จาก EverAg ได้แบ่งปันความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับแนวโน้มการผลิตนมทั่วโลก โดยเน้นถึงตลาดส่งออกหลักและปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของการผลิต
พามาทำความรู้จักอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของไอร์แลนด์มีรากฐานมาจากการทำฟาร์มภายในครอบครัวของหลายครัวเรือนที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ซึ่งปัจจุบันมีฟาร์มที่ดำเนินการภายในครอบครัวประมาณ 17,000 แห่ง แต่ละแห่งสะท้อนให้เห็นถึงการสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตนมที่มีมายาวนาน
นอกจากนี้สภาพภูมิอากาศที่โดดเด่นของประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของยุโรป ยังได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (Gulf Stream) ช่วยให้ไอร์แลนด์มีฤดูเพาะปลูกพืชที่ยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยฝนที่ตกตลอดปียังส่งผลให้ทุ่งหญ้ามีความอุดมสมบูรณ์ และทำให้วัวในไอร์แลนด์สามารถมีหญ้ากินได้เฉลี่ยถึง 240 วันต่อปี และทำให้หญ้ากลายเป็นอาหารหลักของวัวในไอร์แลนด์ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 95% ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ผลิตภัณฑ์นมจากไอร์แลนด์มีความยั่งยืนและเป็นธรรมชาติ
โดยในปี 2023 ไอร์แลนด์ผลิตนมได้ถึง 8.7 พันล้านลิตร และส่งออกผลิตภัณฑ์นมให้กับ140 ตลาดทั่วโลก (ภายใต้ Bord Bia Dairy Sector Profile) ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2023 ไอร์แลนด์มีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปยังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า ซึ่งเกิดจากความต้องการผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพสูงและการผลิตอย่างยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการขยายตลาดและความร่วมมือเพิ่มเติมในตลาดไทยต่อไปในอนาคต
สำหรับภายใต้แคมเปญ 'European Dairy – Ireland, Working with Nature' งานสัมมนาการค้าครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตอย่างยั่งยืนจากยุโรป พร้อมกับส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับผู้นำเข้าในประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม นอกจากนี้ตัวแคมเปญยังเน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของระบบการผลิตที่เน้นการเลี้ยงวัวด้วยหญ้า และโครงสร้างพื้นฐานที่รับประกันถึงการจัดหาผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพสูงและสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้
คณะผู้แทนการค้าของรัฐบาลไอร์แลนด์จะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดสัปดาห์นี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรหลักที่มีศักยภาพ ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไอร์แลนด์ และสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ในการเพิ่มอัตราการส่งออกในหลายภาคส่วน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
