ยุโรปเตรียมใช้กฎจ่ายค่าลดมลพิษจากไมโครพลาสติกกับบริษัทเครื่องสำอาง
สหภาพยุโรปออกร่างกฎหมายให้บริษัทความงามจ่ายค่าทำความสะอาดมลพิษที่เกิดจากไมโครพลาสติก หลังจากที่ผู้เจรจาของสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงใหม่ในการบำบัดน้ำเสีย
ภายใต้ร่างกฎที่ปฏิบัติตามหลักการจ่ายของผู้ก่อมลพิษ บริษัทขายยาและผลิตเครื่องสำอางจะต้องรับผิดชอบอย่างน้อย 80% ของค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่จำเป็นในการกำจัดมลพิษที่ทำให้น้ำในเมืองสกปรก
ยุโรปเตรียมเริ่มกฎเกณฑ์ใหม่ 'ค่าทำความสะอาดไมโครพลาสติก'
กรรมาธิการสิ่งแวดล้อมเผยว่าขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้จะปกป้องประชาชนจากการปล่อยสิ่งปฏิกูลที่เป็นอันตรายจากการผลิตยาและเครื่องสำอางลงสู่แหล่งน้ำ กฎเกณฑ์การจ่ายค่าทำความสะอาดมลพิษจากไมโครพลาสติก ได้รับการเห็นพ้องต้องกันจากรัฐสภายุโรปและสภาแห่งยุโรปแต่ยังไม่ได้นำมาใช้อย่างเป็นทางการ เป็นเพียงร่างกฎหมายและได้เพิ่มข้อกำหนดในการกำจัดสารอาหารออกจากน้ำ และกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับสารมลพิษไมโครพลาสติก
ภายในปี 2578 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะต้องกำจัดอินทรียวัตถุออกจากน้ำเสียในเมืองก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมในทุกชุมชนที่มีประชากรมากกว่า 1,000 คน ภายในปี 2588 พวกเขาจะต้องกำจัดไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในโรงบำบัดทั้งหมดที่ครอบคลุมผู้คนมากกว่า 10,000 คน และยังต้องเพิ่มขั้นตอนพิเศษในการกำจัดมลพิษไมโครพลาสติกในวงกว้างตามที่รัฐสภายุโรประบุ
แต่ละประเทศต้องตรวจสอบสิ่งปฏิกูล
รัฐบาลแต่ละประเทศใน EU ต้องตรวจสอบสิ่งปฏิกูลสำหรับไมโครพลาสติก สารเปอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) ที่เป็นสารเคมีตลอดกาล และตัวชี้วัดด้านสุขภาพที่สำคัญ เช่น การดื้อยาต้านจุลชีพ ถึงแม้แต่ประเทศสมาชิกจะบังคับใช้กฎเกณฑ์เพื่อบำบัดน้ำเสียแต่มันก็อาจจะช้าไปหรือเปล่า เนื่องจากเมื่อเดือนที่แล้วคณะกรรมาธิการยุโรปส่งตัวสเปนไปยังศาลยุติธรรมยุโรปเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับน้ำเสียที่มีอยู่ในชุมชน 225 แห่ง
Nils Torvalds สมาชิก MEP ของฟินแลนด์ กล่าวว่า "ข้อตกลงที่เราบรรลุในวันนี้ถือเป็นความก้าวหน้าในการปรับปรุงการจัดการน้ำและมาตรฐานการบำบัดน้ำเสียที่ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกฎใหม่เกี่ยวกับการกำจัดมลพิษจากไมโครพลาสติกที่กำลังจะเกิดขึ้น”
กฎค่าทำความสะอาดไมโครพลาสติก อาจมีอุปสรรค
จากร่างกฎหมายการจ่ายค่าทำความสะอาดไมโครพลาสติกของผู้ก่อมลพิษ อาจทำให้เกิดแบ่งแยกระหว่างการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในสหภาพยุโรป ซึ่งจากกฎระเบียบนี้ทำให้สหราชอาณาจักรกำลังตามหลังสหภาพยุโรปในเกือบทุกด้านของกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมน้ำในสหราชอาณาจักรได้ชะลอแผนในการจัดการกับวิกฤตมลพิษทางน้ำเสียของประเทศ
ที่มา : The Guardian
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
