พาสายรักษ์โลกมาส่องดูแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของ “ไทยเบฟ” บริษัทยักษ์ใหญ่ ด้านอาหาร และเครื่องดื่ม เบอร์ต้นๆของไทย ว่าทำอะไรบ้าง ? เพื่อเป็นการถอดบทเรียน และตัวอย่างที่ดีให้กับแบรนด์อื่นๆ เพราะเทรนด์รักษ์โลกมาแรงเหลือเกิน
ปัจจุบันภาคธุรกิจให้ความสำคัญอย่างมากกับการทำธุรกิจที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากจะมีผลทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่จะตัดสินใจเลือกซื้อแบรนด์นั้นๆแล้ว ยังมีผลต่อคู่ค้าที่จะตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับแบรนด์เราหรือไม่ ? เนื่องจากหลายประเทศเริ่มแล้วในการกีดกันทางการค้าแล้ว และหากพันธมิตรใดไม่รักษ์โลกก็จะไม่มีเจรจาการค้า หรือซื้อขายกัน หรือไม่ร่วมลงทุนด้วย ที่สำคัญข้อดีของธุรกิจรักษ์โลกจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดโลกร้อน ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลมากในตอนนี้
วันนี้จะพามาส่องพันธกิจรักษ์โลกของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ ยักษ์ใหญ่วงการอาหาร และเครื่องดื่มในบ้านเรา และดังไกลไปถึงต่างประเทศ ว่าแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของ “ไทยเบฟ” ทำอะไรบ้าง ? ที่นำโดยแม่ทัพใหญ่ อย่างนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยไทยเบฟได้เดินหน้าธุรกิจโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบและความยั่งยืนเป็นสำคัญ โดยยึดมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตที่ยั่งยืน (Enabling Sustainable Growth)” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์
ทั้งนี้ในปี 2565 กลุ่มบริษัทไทยเบฟได้ประกาศกลยุทธ์การเติบโตที่ยั่งยืน (Enabling Sustainable Growth) โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2583 พร้อมทั้งกำหนดแผนงานและเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยไทยเบฟได้ดำเนินโครงการในประเทศไทยหลากหลายโครงการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งในปี 2565 ไทยเบฟสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนแล้วดังนี้
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยเบฟได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีคะแนนสูงสุด “Top 1% Global ESG Score” ของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ในรายงาน Sustainability Yearbook ของ S&P Global โดยไทยเบฟได้รับคะแนนสูงสุดในด้านสังคม ธรรมาภิบาล และเศรษฐกิจ และได้คะแนนเป็นอันดับสองในด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ผลงานด้านความยั่งยืนของกลุ่มยังได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มดัชนีระดับโลกอย่างกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (“DJSI”) โดยเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก (DJSI World Index) เป็นปีที่ 6 และกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets Index) เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ไทยเบฟยังได้ขยายขอบเขตการรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ให้ครอบคลุมกรอบการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ Carbon Disclosure Project (CDP) เป็นครั้งแรกในปี 2565 ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบการเปิดเผยข้อมูลและจัดอันดับด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดทั่วโลก โดยได้รับคะแนนประเมินระดับ A-
อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัทไทยเบฟตั้งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาทุกมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาธิบาล ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำในการพัฒนาด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง