รู้จัก 3 สัตว์ สุดแสนจะเจ้าชู้ ไม่มีผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต
สัตว์หลายชนิดมีพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่ที่ไม่ยึดติด เช่น ชิมแปนซีที่มีหลายตัวเมีย นกกระจอกที่นอกใจคู่ ในโลกสัตว์ การผสมพันธุ์เป็นเรื่องหลักมากกว่าความซื่อสัตย์
ก่อนจะไปยลโฉม 3 นักรบท่องราตรี ผู้ไม่ยึดติดคู่ครอง เปลี่ยนผัวเปลี่ยนเมียได้เรื่อย ๆ เรามาทำความเข้าใจคอนเซปต์เรื่อง 'ศีลธรรมในสัตว์’ กันก่อน มนุษย์เรานั้นมีกฎหมาย กรอบสังคม ที่คอยบอกว่าสิ่งใดทำแล้วไม่ดี สิ่งใดทำแล้วจะไม่ถูกยอมรับ ต่อต้าน ฯลฯ
แต่กับอาณาจักรสัตว์ล่ะ น่าสงสัยว่ามีเหมือนกันไหม เส้นบาง ๆ ที่คอยยับยั้งชั่งใจเอาไว้ไม่ให้ก่อเรื่องก่อราวอันนำไปสู่การถูกประณาม คำตอบเป็น ไก่กับไข่ หนังสือชื่อ ‘Can Animals Be Moral’ จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อธิบายว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีแนวโน้มที่จะเลือกว่าจะทำดีหรือทำชั่วได้
อย่างที่กล่าวไป มนุษย์เรามีกฎเกณฑ์ทางสังคม สัตว์ก็มีเช่นกัน มีงานวิจัยที่บอกว่าชิมแปนซีจะโกรธกริ้ว และลงโทษตัวอื่น หากรู้ว่าพวกมันละเมิดกฎที่ตกลงกันเอาไว้ นั่นแปลว่า พวกมันค่อนข้างจริงจังกับระเบียบทางสังคมพอสมควร แต่กับเรื่อง ‘รัก’ นั้นอีกเรื่อง
รักของสัตว์มิใช่การถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร รักของสัตว์คือการผสมพันธุ์เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ แม้สัตว์จะมีอาการตกหลุมรักไม่ต่างจากมนุษย์ เพราะพวกมันมี ฮอร์โมนโดปามีนและออกซิโทซิน แต่กฎเกณฑ์ทุกอย่างก็พักลง เมื่อโลกเวียนมาสู่ฤดูผสมพันธุ์ ใครคู่ใครไม่รู้ สัตว์บางชนิดจึงไม่ได้มีผัวเดียวไม่เดียว ดังที่จะได้อ่านด้านล่างนี้
ชิมแปนซี
แวดวงวิทยาศาสตร์มักอธิบายว่า ‘มนุษย์กับชิมแปนซี’ มีบรรพบุรุษร่วมกัน ก่อนที่มนุษย์จะมีวิวัฒนาการกลายมาเป็นมนุษย์ที่เดิน 2 ขา พูดจากันในทุกวันนี้ และชิมแปนซีก็ยังเป็นลิงอยู่เสมอมา กล่าวคือ มนุษย์กับชิมแปนซีมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน
ชิมแปนซีนั้นมีระบบครอบครัวเหมือนมนุษย์ ในฝูง ตัวผู้มักมีตัวเมียไว้มากถึง 10 ตัว และไม่ต่ำกว่า 2 ตัว กล่าวคือ พวกมันไม่มีแนวคิดเรื่องความซื่อสัตย์ พวกมันเป็นเจ้าแห่งอิสระ อย่าไปถามหาความรักเดียวใจเดียว พวกมันอยากผสมพันธุ์กับใครก็ได้ มองไปเจอแต่ตัวเมียที่ตั้งครรภ์อยู่ พวกมันจึงต้องแย่งชิงหาตัวเมียที่ยังท้องว่างเพื่อผสมพันธุ์
นกกระจอก
งานวิจัยชี้ว่า ถ้านกกระจอกตัวเมีย (Sparrow) รู้ว่าคู่ครองของตนเองกำลังนอกใจ มันจะหาอาหารให้กับลูก ๆ ในรังน้อยลง ก็นกกระจอกตัวผู้อยากไม่ซื่อสัตย์ก่อนทำไม เดิมที นกกระจอกก็อยู่กันเป็นคู่ผัวเมีย แต่ความประหลาดคือ ไม่มีใครซื่อสัตย์ต่อกันและกันเลย
นกกระจอกตัวผู้มองว่าพวกมันต้องมีลูกให้ได้เยอะที่สุด ขณะที่ตัวเมีย มักไปมีลูกกับนกกระจอกตัวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง โดยจะดูว่าตัวผู้นั้นแข็งแรงดีหรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะสามารถผลิตลูกที่ดี สมบูรณ์แข็งแรง ได้นั่นเอง
กระต่ายยุโรป
ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ (breeding season) ราว ๆ เดือนมกราคมถึงสิงหาคม ตัวผู้กับตัวเมีย (ที่เป็นคู่กัน) จะสามารถไปผสมพันธุ์กับใครก็ได้ เปรียบเหมือน open-relationship ของมนุษย์ แถมกระต่ายสายพันธุ์นี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่อง การผสมพันธุ์ที่รวดเร็วทันใจ ไม่ยึดติดกับคู่เดิมไปตลอดชีวิต
ที่มา: Livescience, imperial
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
