แผ่นดินไหวเมียนมา ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 1,700 คน ช่วยเหลือล่าช้า

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2568 ทีมกู้ภัยและความช่วยเหลือจากต่างประเทศเริ่มทยอยเข้าไปยังประเทศเมียนมา หลังแผ่นดินไหวขนาด 7.7 เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของเมียนมา ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนถล่มลงมา และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคารจำนวนมาก รวมถึงสะพาน ทางหลวง สนามบินและทางรถไฟ ก็ได้รับความเสียหาย ทำให้การเข้าถึงความช่วยเหลือล่าช้า

รายงานล่าสุด พบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,700 ราย บาดเจ็บ 3,400 รายและสูญหาย 300 ราย แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารนำโดย มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และตนได้ขอความช่วยเหลือจากนานาชาติไปตั้งแต่วันเกิดเหตุแผ่นดินไหวแล้ว ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก

โดย อินเดีย จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ รัสเซีย และไทย ได้ส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์และทีมงานมาให้การช่วยเหลือแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประชาชนในเมืองมัณฑะเลย์ รายงานว่า ความช่วยเหลือจากนานาชาติยังมาไม่ถึง และก็เริ่มกังวลว่าจะขาดแคลนอาหาร ไฟฟ้า และน้ำอย่างรุนแรง นอกจากนี้ แบบจำลองเชิงคาดการณ์ของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ประมาณการว่า ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาอาจสูงถึง 10,000 ราย

สหรัฐอเมริกา ได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือมูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านองค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา นอกจากนี้จะส่งทีมฉุกเฉินของ USAID เข้าไปช่วยในเมียนมาด้วย (ปัจจุบันองค์กรของ USAID กำลังถูกปรับลดงบประมาณอย่างหนัก ภายใต้รัฐบาลทรัมป์)

แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า คือ สงครามภายในที่ยังไม่ดับสนิท และยังคงคุกรุ่นในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ…

ขบวนการต่อต้านติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารของเมียนมา ออกมาวิจารณ์คณะทหาร เมื่อวันอาทิตย์ ว่ายังคงปล่อยให้มีการโจมตีทางอากาศต่อหมู่บ้านต่าง ๆ แม้กระทั่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวก็ไม่เว้น

อย่างที่ทราบกันดีว่า เมียนมาตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองกับกลุ่มฝ่ายค้านติดอาวุธหลายกลุ่ม นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2564 เมื่อกองทัพได้ทำการยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางอองซานซูจี ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเมื่อวันศุกร์เกิดแผ่นดินไหวได้ไม่นานนัก เครื่องบินทหารได้โจมตีทางอากาศและโจมตีด้วยโดรนในรัฐกะเหรี่ยง ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ KNU 

วิเวียน บาลากฤษณัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดยิงทันที และไปช่วยแจกจ่ายความช่วยเหลือ

ในท้ายที่สุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน รวมถึงกลุ่มที่เหลือของรัฐบาลที่ถูกโค่นอำนาจ กล่าวว่า กองกำลังติดอาวุธต่อต้านคณะรัฐประหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตน จะหยุดปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่แม้ว่า บางกลุ่มจะหยุดยิงแล้ว แต่การสู้รบในพื้นที่อื่น ๆ ยังคงดำเนินต่อไป