svasdssvasds

อุตฯ เนื้อสัตว์ ตัวการใหญ่ก่อฝุ่น ทำคนเสียชีวิต 3.5 หมื่นราย/ปี

อุตฯ เนื้อสัตว์  ตัวการใหญ่ก่อฝุ่น ทำคนเสียชีวิต 3.5 หมื่นราย/ปี

การเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทำให้ PM2.5 เพิ่มขึ้น เสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หากลดโปรตีนจากสัตว์ 50% หันสู่โปรตีนพืช จะช่วยชีวิตกว่า 100,000 ราย ลด CO2 35.5 ล้านตัน

งานวิจัยล่าสุดจาก Madre Brava ร่วมกับ Asia Research and Engagement เผยผลกระทบจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ต่อปัญหามลพิษ PM2.5 ในประเทศไทย ระบุว่าการเผาเพื่อการเกษตรเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในประเทศไทยมากกว่า 34,000 รายต่อปี

และหากอุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตตามคาดการณ์ จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 361,000 ราย ในช่วงปี 2020-2050 อันมีสาเหตุหลักมาจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งคิดเป็น 35% ของการเผาตอซังพืชในไทย

อย่างไรก็ดี งานวิจัยชิ้นนี้ เสนอว่า การลดการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ และสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีน จะสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้มากกว่า 100,000 รายภายในปี 2050 หากประเทศไทยเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับแหล่งโปรตีนทางเลือก เช่น โปรตีนจากพืช หรือโปรตีนจากแมลง ในสัดส่วนร้อยละ 50 ภายในปี 2050

ทั้งนี้ การสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีน นอกจากจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรแล้ว ยังจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ถึง 1.3 ล้านล้านบาท สร้างงานได้ 1.15 ล้านตำแหน่ง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ 35.5 ล้านตันต่อปี และคืนพื้นที่การเกษตรในประเทศไทยไปได้ 21,700 ตารางกิโลเมตร

 

แค่ลดการผลิตเนื้อสัตว์ก็ช่วยลด PM 2.5 ได้แล้ว ?

วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้อำนวยการ Madre Brava เปิดเผยว่า การเผาตอซังพืชในช่วงฤดูแล้ง (ธันวาคมถึงเมษายน) เป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่น PM2.5 เนื่องจากความชื้นต่ำทำให้ฝุ่นสะสมในอากาศ ปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผันและภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ส่งผลให้ PM2.5 ไม่สามารถกระจายตัวได้

อุตฯ เนื้อสัตว์  ตัวการใหญ่ก่อฝุ่น ทำคนเสียชีวิต 3.5 หมื่นราย/ปี

การบุกรุกพื้นที่ป่า และการขาดการจัดการที่เหมาะสมทำให้ไฟจากการเผาตอซังอาจลุกลามสู่พื้นที่ป่าได้ และยังมีผลกระทบจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านที่ทำให้ PM 2.5 ลอยข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยด้วย

แม้จะมีความพยายามในการจำกัดการเผาตอซังพืชเพื่อลดมลพิษ PM2.5 แต่ปัญหายังคงมีอยู่และไม่สามารถแก้ไขได้อย่างยั่งยืน รายงานนี้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยการลดความต้องการอาหารสัตว์และเพิ่มการใช้โปรตีนจากพืช ซึ่งสามารถช่วยลดผู้เสียชีวิตจากมลพิษ PM2.5 ได้มากกว่า 100,000 รายภายในปี 2050 หากสามารถเพิ่มการผลิตโปรตีนจากพืชมาทดแทนโปรตีนจากสัตว์ 50% ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก

อุตฯ เนื้อสัตว์  ตัวการใหญ่ก่อฝุ่น ทำคนเสียชีวิต 3.5 หมื่นราย/ปี

นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.3 ล้านล้านบาท สร้างงาน 1.15 ล้านตำแหน่ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 35.5 ล้านเมตริกตันต่อปี”

เพิ่มโปรตีนจากพืชลดฝุ่น PM2.5

วิจัยชิ้นนี้ของ Madre Brava เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 และส่งเสริมความยั่งยืนทางอาหาร โดยแนะนำให้ภาครัฐส่งเสริมการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น เช่น การให้มาตรการจูงใจทางการเงินเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

รวมถึงการนำเมนูอาหารเน้นพืชมาใช้ในงานและการประชุมของภาครัฐ รวมถึงโรงเรียนและโรงพยาบาล เพื่อแบบอย่างให้ประชาชนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชมากขึ้น

“รายงานยังเสนอให้ภาคธุรกิจผู้ค้าปลีกและธุรกิจบริการอาหารกำหนดเป้าหมายเพิ่มยอดขายของโปรตีนจากพืช โดยลดราคาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้สามารถแข่งขันกับโปรตีนจากสัตว์ พร้อมทั้งจัดวางผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชให้เด่นชัด และให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลลงทุนในการวิจัยและพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและราคาเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและลดการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในระยะยาว”

“การสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีนในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะช่วยลดมลพิษ PM2.5 แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มงาน สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วย”

 

ลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ การลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นแนวทางที่ถูกต้องและยั่งยืน แต่ต้องมีการวางแผนและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ชี้การปลูกข้าวโพดในพื้นที่ป่าหรืออุทยานฯ เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยต้องมีการจัดการสิทธิที่ดินและการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตได้อย่างยั่งยืน

สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่

"ข้อเรียกร้องของเราคือให้อำนาจกับท้องถิ่นในการจัดการและลดไฟลักลอบเผา และให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในการควบคุมการเผาไฟ และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ”

related