พบชิ้นส่วนกระดูกของ "มนุษย์ฮอบบิท" ที่อินโดนีเซีย ตอบข้อถกเถียงนักวิทย์

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ในอินโดนีเซีย ค้นพบชิ้นส่วนกระดูกขนาดเล็ก ซึ่งอาจเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ยืนยันว่า "มนุษย์ฮอบบิท" (Homo floresiensis) เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์บรรพบุรุษของมนุษย์ที่เคยมีถิ่นฐานอาศัยอยู่ในอินโดนีเซียจริง และอาจตอบข้อถกเถียงที่มีมานานว่าพวกเขามีขนาดตัวที่เล็กขนาดนั้นได้อย่างไร

สาเหตุที่ Homo floresiensis ถูกเรียกว่า "ฮอบบิท" เนื่องจากพวกเขาเป็นมนุษย์วานรที่มีขนาดเล็ก มีส่วนสูงประมาณ 3 ฟุต 6 นิ้ว หรือราวๆ 106 เซนติเมตร มีสมองขนาดเล็ก แต่มีเท้าขนาดใหญ่ ตรงกับลักษณะของเผ่าพันธุ์ฮอบบิทจากนิยายแฟนตาซีชื่อดัง "Lord of the ring" ซึ่งเขียนโดยเจอาร์อาร์ โทลคีน พวกเขายังสามารถประดิษฐ์เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับใช้งานได้ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพัฒนาการมาจากที่ใด

ก่อนหน้านี้เคยมีการถกเถียงกันว่า H. floresiensis อาจจะยังไม่สูญพันธุ์ แต่ยังคงมีชีวิตรอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน และแอบซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกโดยไม่มีใครพบเห็น (อ่านต่อได้ที่.. จริงไหม? มนุษย์ฮอบบิทยังมีชีวิตและแอบซ่อนตัวอยู่ที่อินโดนีเซีย)

ในตอนแรก ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติที่ร่วมการวิจัย ต่างคิดว่าชิ้นส่วนที่พบอาจเป็นกระดูกของเด็กตัวเล็ก ก่อนที่จะพบว่ามันคือฟอสซิลชิ้นส่วนกระดูกต้นแขนของมนุษย์โตเต็มวัยที่มีขนาดเล็กที่สุดที่เคยพบมา 

การค้นพบครั้งนี้อาจช่วยคลี่คลายข้อถกเถียงในหมู่นักวิทยาศาสตร์ ที่บางคนเชื่อว่าเผ่าพันธุ์ฮอบบิทเหล่านี้ สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์วานรรุ่นก่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กอยู่แล้ว ก่อนที่พวกมันจะเดินทางเข้ามาบนเกาะฟอเรสตั้งแต่เมื่อประมาณล้านปีก่อน

บางคนเชื่อว่าเป็นการวิวัฒนาการของ Homo erectus บรรพบุรุษของเราซึ่งมีขนาดพอ ๆ กับมนุษย์ และเดินทางกระจายตัวไปทั่วเอเชีย ก่อนจะเข้ามาติดอยู่บนเกาะแห่งนี้ และเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า  "กระบวนการแคระแกร็นของสิ่งมีชีวิตบนเกาะ" (island dwarfism) ซึ่งทำให้สัตว์ใหญ่มีขนาดตัวเล็กลงเพื่อปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่จำกัด อ้างอิงได้จากขนาดสัตว์ใหญ่ชนิดอื่นบนเกาะที่มักจะมีขนากเล็กกว่าที่อื่น เช่น ช้างที่มีขนาดเท่ากับวัว

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงตั้งข้อสงสัยว่า มนุษย์ฮอบบิทเหล่านี้ เดินทางฝ่าอันตรายในทะเลมาถึงเกาะเห่งนี้ได้อย่างไร ขณะที่การค้นพบเรื่องราวของมนุษย์ฮอบบิท ก็ช่วยเตือนใจให้เห็นถึงพลังของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

ที่มา:

• The Straits Times