หุ่นยนต์ผึ้งอาจช่วยเป็นทางออกให้มนุษย์ยังสามารถผสมเกสรพืชพรรณและผลิตอาหารต่อได้เมื่อประชากรผึ้งและแมลงผสมเกสรถึงคราวต้องล่มสลาย แต่นี่อาจเป็นทางออกที่ดีของโลกจริงหรือ?
ถ้าใครเคยดูซีรี่ย์ Black Mirror ทาง Netflix คงจะจำ EP หนึ่งที่นำเสนอเรื่องราวของอนาคตอันใกล้ เมื่อผึ้งสูญพันธุ์ไปจากโลก แต่ก็ได้มีหุ่นยนต์ผึ้งขนาดเล็กที่เข้ามาแทนที่ในการช่วยพืชพรรณผสมเกสร โดยมีพล็อตที่ว่าระบบควบคุมหุ่นยนต์ผึ้งเหล่านี้ถูกแฮกโดยผู้ไม่ประสงค์ดี จนฝูงผึ้งหุ่นยนต์จำนวนมหาศาลถูกใช้เป็นจักรกลสังหาร
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง ดูเหมือนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมและจำนวนประชากรผึ้งที่ลดลง ทำให้ในอนาคตเราอาจมีความเสี่ยงต้องเผชิญกับฉากทัศน์แบบเดียวกับที่ซีรี่ย์ Black Mirror ได้พาเราไปชม
สถานการณ์ผึ้งและแมลงผสมเกสรในตอนนี้
เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่ในวารสาร Scientific Reports ที่ว่าปัจจุบันอายุขัยของผึ้งลดเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของผึ้งที่มีชีวิตในช่วงทศวรรษ 1970
จากการศึกษาล่าสุดโดย Anthony Nearman และ Dennis vanEngelsdorp อายุขัยเฉลี่ยของผึ้งงานคือ 34.3 วันเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และตอนนี้มีเพียง 17.7 วันเท่านั้น
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดประชากรผึ้งถึงมีจำนวนลดลงและมีอายุขัยหดสั้นลงเช่นนี้ โดยเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นหาสาเหตุของการลดลงของอาณานิคมผึ้ง เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะได้ตัวอย่างผึ้งงานที่หายไป เรื่องนี้จึงยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่ามีปัจจัยทางธรรมชาติที่อยู่เบื้องหลังการลดลง เช่น การบุกรุกของปรสิตและเชื้อโรคต่างๆ ตลอดจนปัจจัยของมนุษย์ เช่น ยาฆ่าแมลงที่เป็นสารเคมี มลพิษทางอุตสาหกรรม การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของผึ้ง รวมถึงคลื่นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้ในการสื่อสารที่อาจรบกวนจนความสามารถในการนำทางของผึ้งลดลง
หุ่นยนต์ผึ้ง แนวทางแก้ปัญหาผึ้งสูญพันธุ์?
ตามที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริการะบุว่า แมลงผสมเกสรมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตอาหารที่เลี้ยงประชากร 1/3 ของโลก และมากกว่า 85% ของการผสมเกสรนี้กระทำโดยผึ้ง มีการประมาณกันว่ามีผึ้งมากกว่า 2,500 สายพันธุ์ทำหน้าที่ผสมเกสรพืชทั่วโลก
อย่างไรก็ตามจากการลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วของประชากรผึ้งและสายพันธุ์แมลงผสมเกสร ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า หากแมลงเหล่านี้สูญพันธุ์ในอนาคต เราจะทำกันอย่างไร เมื่อไม่มีแมลงคอยช่วยผสมเกสร
เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตทางระบบนิเวศที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ นักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยี และวิศวกรต่างต่างกำลังออกแบบหุ่นยนต์ผึ้งตัวจิ๋วที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งอาจช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งแทนที่บทบาทของผึ้งในการผสมเกสรได้เลย
เมื่อเร็วๆนี้ Harvard Microrobotics Lab ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในสาขานี้ ได้พัฒนาหุ่นยนต์ผึ้งหรือที่รู้จักกันในชื่อ "RoboBees" ซึ่งเป็นหุ่นยนต์บินได้ขนาดจิ๋วที่เลียนแบบพฤติกรรมและลักษณะทางกายภาพของผึ้งจริง หุ่นยนต์จิ๋วที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผึ้งเหล่านี้มีปีกที่สามารถกระพือปีกได้อย่างรวดเร็ว คล้ายกับปีกของผึ้ง และมีน้ำหนักเบาพอที่จะเคลื่อนที่ไปในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หุ่นยนต์ผึ้งเหล่านี้ยังได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์และอัลกอริธึมที่ช่วยให้พวกมันสัมผัสและตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้โดยอัตโนมัติ โดยทำหน้าที่หลักของผึ้งจริงในการผสมเกสรเป็นหลัก
ความท้าทายและข้อพิจารณาด้านจริยธรรม
แม้ว่านักวิจัยจะได้ย้ำว่าเทคโนโลยีในการสร้างหุ่นยนต์ผึ้งจะเปิดทางเลือกให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีในการช่วยในการผสมเกสร เป็นทางรอดให้สังคมมนุษย์ยามที่ความหลากลายทางชีวภาพและประชากรแมลงผสมเกสรตามธรรมชาติ กำลังดิ่งลงอย่างรวดเร็ว แต่เทคโนลียีนี้ก็ยังถูกโจมตีจากความกังวลที่ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเพียงการเบี่ยงเบนความพยายามในการปกป้องและอนุรักษ์ประชากรผึ้งธรรมชาติไม่ให้สูญพันธุ์
นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลายคนแย้งว่า เทคโนโลยีเหล่านี้อาจเป็นมาตรการทางเลือกที่สามารถช่วยโลกได้แค่ชั่วคราว แต่เทคโนโลยีนี้กลับไม่ได้แตะไปที่ต้นตอของปัญหา นั่นก็คือการลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วและการสูญพันธุ์ของผึ้งและแมลงผสมเกสร
ดังนั้นการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับการอนุรักษ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าหุ่นยนต์ผึ้งจะเป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นในการจัดการกับวิกฤติการสูญพันธุ์ของแมลงผสมเกสร แต่เทคโนโลยีนี้ควรใช้เป็นมาตรการเสริม ไม่ใช่ทางออกทดแทนความพยายามในการปกป้องและฟื้นฟูประชากรผึ้งตามธรรมชาติและแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อมอดไหม้ไฟสงคราม การสู้รบคร่าชีวิตมนุษย์ และยังทำลายธรรมชาติด้วย
“หมัดน้ำ” สิ่งมีชีวิตนักกำจัด บำบัดน้ำเสียให้สะอาด โดยไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอน
ที่มา: Miragenews / CTGN