พาส่องโอกาสไทย! ลงทุนพลังงานในสหรัฐ หลัง “ทรัมป์” ชนะ ชี้สดใส ดีมานด์เพียบ
พามาส่องดูโอกาสว่าภาคธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุนพลังงานในสหรัฐ หลัง “ทรัมป์” ชนะ ชี้สดใส ดีมานด์เพียบ BPP เผยแผนกลยุทธ์เชิงรุก สร้างการเติบโตแข็งแกร่งควบคู่ความยั่งยืนในปี 2030
SHORT CUT
- การลงทุนด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้า ที่มีผู้ประกอบการไทยเดินหน้าลงทุนไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องของพลังงาน คือความมั่นคงของประเทศที่จะทำให้เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไปต่อได้
-
ตลาดพลังงานในสหรัฐเป็นอีกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดัน1 ของโลก มีประชากรจำนวนมาก และมีพื้นที่กว้างถึง 50 รัฐ อีกทั้งเป็นประเทศที่มีความหนาวเย็น
-
BPP เผยแผนกลยุทธ์เชิงรุก สร้างการเติบโตแข็งแกร่งควบคู่ความยั่งยืนในปี 2030
พามาส่องดูโอกาสว่าภาคธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุนพลังงานในสหรัฐ หลัง “ทรัมป์” ชนะ ชี้สดใส ดีมานด์เพียบ BPP เผยแผนกลยุทธ์เชิงรุก สร้างการเติบโตแข็งแกร่งควบคู่ความยั่งยืนในปี 2030
แน่นอนว่าการลงทุนใหม่มักจะการขยายการลงทุนไปยังตลาดประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตยิ่งๆขึ้นไป โดยเฉพาะการลงทุนด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้า ที่มีผู้ประกอบการไทยเดินหน้าลงทุนไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องของพลังงาน คือความมั่นคงของประเทศที่จะทำให้เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไปต่อได้ ตลาดพลังงานในสหรัฐเป็นอีกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดัน1 ของโลก มีประชากรจำนวนมาก และมีพื้นที่กว้างถึง 50 รัฐ อีกทั้งเป็นประเทศที่มีความหนาวเย็น
จากปัจจัยบวกที่กล่าวมาเบื้องต้นย่อมส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐ แม้ว่าทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายออกมากังวลว่านโยบายบางอย่างของเขาจะจำกัด และกีดกัน เรื่องพลังงาน เช่น เรื่องพลังงานสะอาด ที่เขาไม่สนับสนุนเลย แต่… เรื่องนี้ทางบ้านปู เพาเวอร์ มองว่า ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคในการเข้าไปลงทุนพลังงานในสหรัฐของผู้ประกอบการไทย
นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า ปี 2568 การลงทุนในธุรกิจพลังงานในสหรัฐยังมีความน่าสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพลังงานสะอาด และพลังงานที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เชื่อว่านโนโยบายของทรัมป์จะไม่มีผลต่อการลงทุนด้านพลังงาน นักลงทุนส่วนใหญ่จะไปกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเชื่อว่าธุรกิจพลังงานยังมีโอกาสในสหรัฐ การแข่งขันไม่สูงมาก ตลาดใหญ่มีดีมานด์มาก คาดว่าจะเติบโตอีกหลายเท่าตัว ซึ่งบ้านปู เพาเวอร์ ได้วางยุทธศาสตร์การลงทุนที่สหรัฐไว้เช่นกัน
ทั้งนี้บ้านปู เพาเวอร์ ในฐานะผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากล BPP จะเดินหน้าเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสินทรัพย์ที่มีอยู่ โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าใหม่จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 1,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2030 จากกำลังผลิตรวมปัจจุบันที่ 3,652 เมกะวัตต์ พร้อมเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจถึงปี 2030 สามเรื่องหลัก ได้แก่
- การเน้นสร้าง EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) รวมมากกว่า 1.8 เท่าเทียบจากปี 2022 – 2023
- 2) 65% ของ EBITDA หรือ 2 ใน 3 มาจากธุรกิจที่ใช้พลังงานสะอาด
- และ 3) ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิตลงให้น้อยกว่า 0.549 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง”
อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานเชิงรุกในสามประเทศยุทธศาสตร์สำคัญ BPP เน้นการต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT (Combined Cycle Gas Turbines) สำหรับสหรัฐฯ ผ่านการร่วมทุนกับ BKV ขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS)
ส่วนประเทศจีน ผนึกกำลังกับพันธมิตร เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนและส่งเสริมการศึกษาการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHPs) ทั้ง 3 แห่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สำหรับประเทศอินโดนีเซีย เน้นลงทุนในพลังงานทดแทนที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ (Gas Value Chain) และการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างงานแก่ชุมชน
นอกจากนี้ BPP ยังคงเดินหน้าสานพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบริหารจัดการต้นทุนในสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด และการเสริมศักยภาพในการทำกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงในธุรกิจหลักของบริษัทฯ พร้อมขยายการลงทุนไปสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ในธุรกิจที่จะมาสนับสนุนการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมีความรับผิดชอบ ตามแนวทาง Beyond Quality Megawatts แสดงจุดยืนว่า BPP เป็นบริษัทฯ ผู้ผลิตพลังงานยั่งยืนชั้นนำ มีการบริหารจัดการภาพรวมธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และสานต่อความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization)
“แผนการเติบโตทางธุรกิจและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์จนถึงปี 2030 นี้ แสดงถึงการยกระดับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน สู่การส่งมอบพลังงานที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการลงทุนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับความต้องการในด้านพลังงานทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ตอบโจทย์แผนธุรกิจของ BPP ที่ยึดมั่นในหลัก ESG และมุ่งส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งอย่างที่ BPP ให้ความสำคัญตลอดมา” นายอิศรา กล่าวปิดท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
