SHORT CUT
ไทย- นิวซีแลนด์ เดินหน้าความร่วมมือ บูมธุรกิจพลังงานสะอาด-เกษตรสีเขียว-เทคโนโลยี เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน หนุนสร้างธุรกิจแข็งแกร่ง
นิวซีแลนด์นับได้ว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทำการค้ากับไทยมายาวนานกว่า 70 ปี จึงทำให้มีโอกาสการค้า การลงทุนทางธุรกิจมีมากขึ้นในปัจจุบัน ตลาดนิวซีแลนด์นับว่าเป็นตลาดเล็กประชากรทั้งประเทศมีเพียง 5. 2 ล้านคน นักธุรกิจมีไม่มาก แต่ถ้าหากมีการลงทุนก็จะลงทุนใหญ่เหมือนกัน ประเทศคู่ค้าต้องหาวิธีกระตุ้นทำอย่างไรจะให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นตลอดเวลา
โดยข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นคู่ค้าอันดับที 33 ของไทยและไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6. ของนิวซีแลนด์ มีแนวโน้มทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจาก สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงแคนเบอร์รา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ในปี 2566 ภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมดจากไทยมายังนิวซีแลนด์มีมูลค่า 1,660.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.82 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ รายงานว่า ไทยมีการส่งออกสินค้าอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปมากที่สุด มูลค่า 1,320.33 ล้านบาท ยานยนต์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เครื่องโทรศัพท์ไร้สายแร่เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์พลาสติก ตามลำดับ
ส่วนสินค้านำเข้าที่ไทยไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ คือ การส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นม เนย ไขมัน เป็นต้น สำหรับยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศของไทย จะเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก แสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดส่งออก มุ่งเน้นตลาดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (BCG) ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ (สินค้าผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยง) ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหาร เน้นนโยบาย Zero Waste ในสินค้าเกษตรและตลาดโปรตีนทางเลือกสนับสนุนการใช้ Soft power เพื่อกระตุ้นความต้องการสินค้า/บริการของไทยใน 11 สาขาและประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Thai Select ให้เป็นที่ รู้จักแพร่หลาย
จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าการค้าระหว่างไทย และนิวซีแลนด์ มีทิศทางที่เติบโต จึงทำให้ล่าสุดได้มีการจัดงานงานสัมมนาจับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน หนุนสร้างธุรกิจแข็งแกร่ง ซึ่งไทยพร้อมเดินหน้าขยายฐานการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องนำโดยบริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด (Revomed Group) ผ่านวิสัยทัศน์ของแม่ทัพใหญ่อย่าง "ดร.วาสนา อินทะแสง" ประธานกรรมการบริหาร โดยที่ผ่านมาก็ได้ทุ่ม 1,400 ล้านบาท ตั้งโรงงาน "Revomed New Zealand" บนพื้นที่กว่า 90 ไร่ ขยายฐานการผลิตนมแพะและอาหารเสริม พร้อมรุกตลาดเอเชีย-แปซิฟิก อเมริกา ยุโรป ขึ้นแท่นเป็น "คนไทยคนแรก" ที่เปิดบริษัทและขยายฐานผลิตในนิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตามงานนี้ได้รับเกียรติจาก "สมาคมธุรกิจนิวซีแลนด์ - ไทย (New Zealand - Thailand Business Association - NZTBA)" จากการสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน เข้าร่วมงาน "Thailand-New Zealand Business Matching 2024" งานสัมมนาจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ระหว่างกัน
สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศ โดยมีบริษัทชั้นนำของนิวซีแลนด์และของไทยเข้าร่วมงานอย่างมากมาย อาทิ ธนาคาร ANZ - บริษัท Private Capital - สมาคมนวัตกรรมเกษตรAgritech ของนิวซีแลนด์ - กลุ่มบริษัท New Image Group - เครือเจริญโภคภัณฑ์ - ไทยเบฟเวอเรจ - Berli Jucker - K Asset และ Revomed โดยงานนี้ได้มีการเซ็นบันทักข้อตกลงเพื่อสร้างความร่วมมือในการจับคู่ธุรกิจ ระหว่างเอกชนไทยและนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งได้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง "ดร.วาสนา อินทะแสง" มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ ในฐานะที่เป็นผู้ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมธุรกิจสุขภาพและความงาม ที่มีฐานการผลิตในนิวซีแลนด์และเติบโตเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
"ดร.วาสนา อินทะแสง" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า รีโว่เมด กรุ๊ป ผู้ผลิตที่อยู่เบื้องหลังสินค้าเพื่อสุขภาพ และความงามหลายแบรนด์ดังทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทที่มีการเติบโตหลังจากที่ไปขยายฐานการผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ พร้อมกันนี้ได้ฉายภาพการค้า การลงทุนระหว่าง 2 ประเทศว่า นิวซีแลนด์เริ่มโฟกัสการลงทุนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหากมองโอกาสอาเซียนรวมกันถือว่าเป็นตลาดใหญ่มากสำหรับนิวซีแลนด์ ปัจจุบันสินค้าจากนิวซีแลนด์มีจำหน่ายยังตลาดตลาดอาเซียนมากขึ้น เช่น นมผง นมผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพสูง ผลไม้สดปลอดสารพิษ เช่น กีวี ปลาแซลมอน สินค้ากรีนไม่มีสารเคมี
ทั้งนี้ไทยต้องเร่งส่งเสริม และสนับสนุน และเห็นความสำคัญว่า ส่งสินค้าเกษตรไทยที่จะเข้ามาตีตลาดนิวซีแลนด์ที่ต้องผ่านมาตรฐานของนิวซีแลนด์ ที่มีความเข้มงวดมากในเรื่องตรวจเข้ม รวมถึงต้องเร่งเจรจาเรื่องให้มีสายการบินบินตรงพร้อมขนผักและผลไม้ไปนิวซีแลนด์ให้ได้
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ไปศึกษาดูงานการใช้เทคโนโลยีในการเกษตรของนิวซีแลนด์ สำหรับมูลค้าการค้าระหว่าง 2 ประเทศ อยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไทยยังได้เปรียบดุลการค้า สำหรับภาคการท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์เดินทางมาไทย 7 หมื่นคน/ปี ซึ่งรัฐบาลมีความต้องการให้ถึง 1 แสนคน/ปี หลังไทยให้วีซ่าฟรี 60 วัน อีกทั้งล่าสุดได้เชิญ Influencer จากนิวซีแลนด์มารีวิวท่องเที่ยวไทย พร้อมผลักดันให้การบินไทยเปิดบินตรงอีกครั้งหลังปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ส่วนคนไทยไปเที่ยวนีซีแลนด์ปีหนึ่งๆ มีประมาณ 3 -4 หมื่นคน
นอกจากนี้นี้ในงานดังกล่าว นักธุรกิจสนใจลงทุน และติดต่อเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสหาโอกาสลงทุนในอนาคต งานนี้สามารถเป็นงานนำร่องให้นิวซีแลนด์รู้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพแค่ไหนที่จะสามารถลงทุนร่วมกันได้ พร้อมทั้งได้เชิญกระทรวงพลังงานมารับฟังเรื่องเทคโนโลยีนิวซีแลนด์
นอกจากนี้นิวซีแลนด์สนใจการลงทุนเรื่องพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน ร่วมกับไทยเนื่องจาก นิวซีแลนด์กำลังให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมาก พร้อมตั้งเป้าปี2030 จะใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดในประเทศ และจะมีการติดโซลาร์เซลล์ทุกโรงเรียนในนิวซีแลนด์ เพื่อให้โรงเรียนมีไฟฟ้าสีเขียวใช้ฟรี แถมนำไปจำหน่ายให้กับชุมชนใกล้เคียงได้อีกด้วย
“โมเดลแบบนี้จะทำให้พลังงานสะอาดโตเร็ว และในแง่ของเรื่องต้นทุนประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูกลง โอกาสการลงทุนในไทยก็มีโอกาสความเป็นไปได้สูง เพราะเขาแสวงหาความร่วมมือนี้อยู่ ทั้งรัฐ และเอกชน หลังงานนี้เป็นไปได้อาจมีบริษัทเริ่มเข้ามาลงทุน นับว่าเป็นก้าวที่ดีเพิ่มการค้าการลงทุน 3 เท่า ปี 2045 ตามยุทธศาสตร์ของไทย”
อย่างไรก็ตามงานนี้นับว่าเป็นขั้นแรกสำหรับโอกาสในการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยนิวซีแลนด์และไทย เป็น 2 ประเทศที่มีนักธุรกิจที่มีศักยภาพ พร้อมจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการริเริ่มและร่วมมือทางธุรกิจเพื่อการขยายการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ
"หลังจากนี้เราก็ยังคงเดินหน้าขยายฐานการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง บนความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรม มาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลก และในปีหน้าก็จะมีโปรเจกต์กับอีกหลายประเทศทั่วโลก เพื่อเป็นการเน้นย้ำและส่งเสริมให้เราเป็นผู้นำอุตสาหกรรม OEM (Original Equipment Manufacturer) และ ODM (Original Design Manufacturer) อย่างแท้จริง"
ด้าน "คุณช่อทิพย์ เคลกก์" ตัวแทนประธานบริหาร "New Image Group" ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและโภชนาการจากนิวซีแลนด์ ที่ได้ขยายธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และเป็นในสมาชิกของ "สมาคมธุรกิจนิวซีแลนด์ – ไทย (New Zealand – Thailand Business Association - NZTBA)" ซึ่งกล่าวว่า "ที่ผ่านมา New Image Group ได้มอบโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเป็นผู้จัดจำหน่ายอิสระและสร้างธุรกิจของตนเองผ่านผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพหลากหลายประเภท ด้วยความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมและคุณภาพ สอดคล้องกับนโยบายการสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม และก้าวต่อไป New Image Group ได้ขยายตลาดกลุ่มนมผงเด็กและนมแพะ แบรนด์ดังจากนิวซีแลนด์ Symbiotics เพื่อสุขภาพองค์รวมในประเทศไทยผ่านช่องทางร้านยาและโรงพยาบาล รวมถึงการขยายฐานผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ร่วมกับทางรีโว่เมดกรุ๊ป
ทั้งนี้การขยายฐานการผลิตในนิวซีแลนด์ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของเราบนเวทีโลก แต่ยังเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นก้าวสำคัญในการขยายสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคง และยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามบินนิวซีแลนด์ออกกฎใหม่ ให้กอดกันแค่ 3 นาทีเท่านั้น ! เพื่อความรวดเร็ว
ติดโซลาร์เซลล์ที่รางรถไฟ ไอเดียเจ๋ง ๆ จากนิวซีแลนด์ ลือเตรียมนำมาใช้ในไทย
นิวซีแลนด์สั่งการุณยฆาต วาฬ-โลมา หลังขึ้นมาเกยตื้นกว่า 40 ตัว