SHORT CUT
“ฉางอัน” ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติจีนที่ส่งยานยนต์ EV สู้ในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ฉางอันมีการลงทุนมาตั้งโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง
วันนี้จะพาชม! โรงงานผลิตรถยนต์ EV “ฉางอัน” ประเทศจีน ที่เดินหน้าหนุนใช้นวัตกรรมลดคาร์บอนต่ำ-รักษ์โลก
เทรนด์พลังงานสะอาดมาแรง เพื่อเป็นการรับเทรนด์โลกวันนี้จะพาชม! โรงงานผลิตรถยนต์ EV “ฉางอัน” ประเทศจีน ที่เดินหน้าหนุนใช้นวัตกรรมลดคาร์บอนต่ำ-รักษ์โลก
ต้องยอมรับว่าเทรนด์พลังงานสะอาดกำลังมาแรงทั่วโลก จึงทำให้กระแสยานยนต์ EV บูมมากๆ และการแข่งขันเริ่มดุเดือดมากยิ่งขึ้น มีผู้ประกอบการมากมายจากหลายเชื้อชาติ ต่างเข้ามาช่วงชิงตลาดกันฝุ่นตลบ แต่…มีหนึ่งแบรนด์ที่กำลังมาแรง นั่นก็คือ “ฉางอัน” ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติจีนที่ส่งยานยนต์ EV สู้ในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ฉางอันมีการลงทุนมาตั้งโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง ด้วยงบประมาณการสร้างโรงงานกว่า 8.8 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะคาดเริ่มผลิตรถ EV ลอตแรกได้ต้นปี 2568
#SPRiNG ได้มีโอกาสเยือน "มหานครฉงชิ่ง" จีนแผ่นดินใหญ่ ในโครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้” ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม 67 ที่ผ่านมา จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงาน ณ โรงงานผลิตรถยนต์ Changan Automobile Digital Intelligent Factory นครฉงชิ่ง ประเทศจีน
ปัจจุบันฉางอันมีพนักงาน 72,000 คน ช่วยสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 1,000,000 ตำแหน่ง โดยปัจจุบันมีสาขา 73 แห่ง ใน 77 ประเทศ มีฐานการผลิต 12 แห่ง โรงงานผลิต 22 แห่ง ตัวแทนจำหน่าย 9,000 แห่ง และผู้ให้บริการ 120,000 คน ขณะเดียวกันฉางอันมียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2010 มียอดขายกว่า 5,000,000 คัน ปี 2014 มียอดขายกว่า 10,000,000 คัน ปี 2021 มียอดขายกว่า 20,000,000 คัน และตั้งเป้าไว้ว่าปี 2024 มียอดขายกว่า 27,000,000 คัน
ทั้งนี้ฉางอันให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์วิจัยใน 6 ประเทศ จำนวน 10 แห่ง มีศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ และวิจัยด้านเทคโนโลยี 16 แห่ง บริษัทด้านเทคโนโลยี 18 แห่ง และห้องทดลอง 18 แห่งมีบุคลากรด้านการวิจัยกว่า 18,000 คนใน 31 ประเทศ โดยฉางอันมีจุดแข็งด้านการวิจัยและพัฒนาจึงทำให้ฉางอันเป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้านการพัฒนาเกี่ยวกับรถยนต์เครื่องยนต์และระบบต่างๆของรถยนต์หลายรายการรวมถึงเป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบทดสอบรถยนต์ด้วย
นอกจากนี้ฉางอันยังมีทีม ด้านการออกแบบและพัฒนารถยนต์ที่มาจากหลายประเทศ เช่น จีน อิตาลี ญี่ปุ่น และเยอรมนีมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 900 คน ขณะเดียวกันฉางอันมีเป้าหมายในการมีสิทธิบัตรด้านระบบอัจฉริยะเป็นอันดับ 1 โดยที่ผ่านมารถยนต์ของฉางอันรุ่นหลังปี 2020 มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ 100% และยังจะเดินหน้าพัฒนาสถาปัตยกรรมยานยนต์ เช่น SDA ADAS AI cockpits
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรมในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี 26 เทคโนโลยี เช่น การขับขี่อัจฉริยะ การโต้ตอบอัจฉริยะ และการควบคุมอัจฉริยะ สำหรับแผนการขยายตลาดต่างประเทศของฉางอันมีแผนขยายตลาดไปยังหลายประเทศในหลายภูมิภาค เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา อาเซียน ลาตินอเมริกา สหรัฐและแคนาดา เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามฉางอันเป้าหมายคือ ในปี 2030 จะลงทุนในตลาดต่างประเทศให้ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ มียอดขาย 1.2 ล้านคันต่อปี มีพนักงานสาขาต่างประเทศมากกว่า 10,000 คน และสร้างแบรนด์ฉางอาน ให้เป็นแบรนด์ระดับโลกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ฉางอาน ยังมีแนวคิด New species, new ecosystem ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี one cloud, one network, one platform for all scenarios เพื่อพัฒนานวัตกรรมยานยนต์
สำหรับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมของฉางอันมีงบประมาณ 30 ล้านหยวน หรือประมาณ 150 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เช่น การพัฒนาชนบท การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือด้านการศึกษา เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้ฉางอันกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์ EV พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มคุณภาพในการผลิต ลดคาร์บอนให้ต่ำลง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
#SPRiNG ได้เดินสำรวจโรงงานผลิตรถยนต์ของฉางอัน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์อัจฉริยะ โดยโรงงานแห่งนี้มีพื้นที่ 140,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สายการผลิต พื้นที่ DC (ศูนย์กระจายสินค้า) และพื้นที่ MH (พื้นที่มัลติฟังก์ชั่น) มี 1 สายการผลิตหลัก และ 7 สายการผลิตย่อย ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม ในการผลิตรถยนต์ทุกกระบวนการ โดยการออกแบบโรงงานอัจฉริยะเป็นการออกแบบด้วยเทคโนโลยี AI ให้โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานที่ใช้นวัตกรรมในการผลิต
และเป็นโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้เทคโนโลยี AI ออกแบบโรงงาน และสร้างแบบจำลองวางแผนการใช้พลังงานเพื่อใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยี 5G เชื่อมต่อโครงข่ายการทำงานในโรงงานทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์กว่า 12,000 ชิ้น สามารถตรวจสอบสถานะอุปกรณ์ และกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ อีกทั้งมีการใช้เทคโนโลยี AI ในการจัดการฐานข้อมูลการผลิตทั้งหมด อาทิ การรวบรวมข้อมูลสายการผลิต คลังอุปกรณ์การผลิต การวิเคราะห์ เป็นต้น
ด้านระบบคลังสินค้าจะเป็นระบบอัจฉริยะ ที่ช่วยเอื้อต่อการบริหารคลังสินค้าแบบยืดหยุ่น โดยการขนส่งในโรงงานใช้ระบบสายพานผสม และมีระบบ Automated Guided Vehicles (AGV) สำหรับใช้ลำเลียงของในโรงงาน 420 คัน ใช้เทคโนโลยีจดจำอัตโนมัติ โดยใช้กล้องของ AGV จับภาพพื้นผิวขณะกำลังเคลื่อนที่เพื่อสร้างแผนที่โดยอัตโนมัติ ข้อมูลพื้นผิวจะถูกบันทึกและเปรียบเทียบกับภาพพื้นผิวในแผนที่ที่สร้างขึ้นเอง เพื่อคาดคะเนตำแหน่งปัจจุบัน
ส่วนการประกอบรถยนต์มีระบบการขึ้นรูปแบบไฮบริดอัตโนมัติ 100% สามารถสลับชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนต่างๆ อย่างรวดเร็ว ใช้ระบบการหล่อด้วยเครื่องหล่ออัจฉริยะด้วยสามารถวิเคราะห์ คาดการณ์อุณหภูมิแม่พิมพ์แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีการวางระบบสายการผลิตแบบยืดหยุ่น สำหรับการผลิต 8 รุ่น ใช้เวลาในการเปลี่ยนโมเดลไม่เกิน 6 วินาที ส่วนการหล่อแบตเตอรี่มีระบบการหล่อแบบอัตโนมัติ ช่วยให้การผลิตลดลงจาก 1-2 ชั่วโมง เหลือเพียงน้อยกว่า 2 นาที เทคโนโลยีการหล่อช่วยประหยัดเวลาในการผลิตได้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังช่วยลดน้ำหนักของชิ้นส่วนการหล่ออีกด้วย ตัวอย่างเช่น รถรุ่น E07 ใช้ชุดแบตเตอรี่ที่ประกอบได้ใน 60 วินาที การประกอบรถยนต์แต่ละรุ่น จึงทำได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว
สำหรับการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ ด้วยระบบภาพถ่าย AI ตรวจจับภาพ 360 องศา สามารถตรวจสอบรอยแตกร้าวรอบคันได้ 100% ใช้ระบบการตรวจสอบคุณภาพแบบออนไลน์ ทำให้ตรวจสอบแบบเรียลไทม์ แก้ไขความผิดปกติได้ทันที ส่วนการพ่นสี มีรบบเปลี่ยนสีรถ ทำให้เปลี่ยนสีรถได้อย่างรวดเร็ว รองรับการพ่นสีให้ได้สีที่ตรงความต้องการของลูกค้า พร้อมคำนึงถึงการผลิตสีเขียวให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สายการผลิต 3C2B รับประกันการใช้สีสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังจะใช้ระบบ MOM เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนผลิต เช่นเดียวกับแบรนด์ระดับไฮเอนด์ เช่น Tesla และ Mercedes-Benz ก็ใช้ระบบ MOM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนการผลิต ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล โดยระบบนี้ทำให้สามารถมอนิเตอร์กระบวนการผลิตรถแต่ละคัน และยังสามารถปรับแต่งรถตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เช่น สีตัวถัง สีภายใน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์แสงซึ่งเป็นพื้นที่ตรวจสอบรถยนต์ ด้วยการออกแบบระบบไฟ 3 สี ที่ให้ปริมาณแสงเช่นเดียวกับแสงแดด เพื่อตรวจสอบพื้นผิวตัวถังรถ ลำโพง เครื่องปรับอากาศ เจากมุมมองเดียวกันกับลูกค้ามีการติดตั้ง Visual Robot ซึ่งมีระบบจดจำภาพ ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้ผู้รับผิดชอบจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดนี้ คือการทำงานของ Changan Automobile Digital Intelligent Factory ที่มุ่งสู่การเป้าหมายของฉางอันในการเป็นผู้นำนวัตกรรมแห่งยานยนต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Toyota เดินหน้าลุยตลาด EV จับมือ Suzuki ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในอินเดีย
เป็นเจ้าของสถานีชาร์จ EV ง่ายนิดเดียว ด้วยแพคเกจสุดพิเศษจาก กฟผ.
EU และจีน ก่อสงคราม EV เดือด "ขึ้นภาษี" ตัวชี้วัดอนาคตอุตสาหกรรมรถทั่วโลก