SHORT CUT
ซีเมนส์และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้ Digital Energy Twin พลิกโฉมอนาคต การวางแผนโรงงานอย่างยั่งยืน เพื่อไปสู่การวางแผนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในระดับโลก
เทรนด์ของเรื่องรักษ์โลก ถือว่าเป็นเทรนด์หลักของโลกที่ทุกๆองค์กรต้องพูดถึงและขีดเส้นใต้ให้ความสำคัญ , รวมถึงอุตสาหกรรมในทุกๆขนาดด้วย และการที่จะเข้าถึง "ความยั่งยืน" นั้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทมุ่งเดินหน้าไปสู่จุดนั้น , โดย ซีเมนส์และเมอร์เซเดส-เบนซ์ สองบริษัทชั้นนำของโลกจากเยอรมนี ได้ใช้ Digital Energy Twin เพื่อพลิกโฉมอนาคต การวางแผนโรงงานอย่างยั่งยืน มุ่งสู่บริษัทรักษ์โลก
โดยการใช้ Digital Energy Twin นั้นก็ เพื่อไปสู่การวางแผนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
โดย บริษัท ซีเมนส์และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ผนึกกำลังภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อร่วมกันพัฒนา "Digital Energy Twin" ที่เพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการมาตรการด้านการประหยัดพลังงานและความยั่งยืนในการออกแบบและปรับปรุงโรงงาน
สำหรับ นวัตกรรม Digital Energy Twin ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของทั่วโลกได้ 100% ภายในปี 2582
โดย Digital Energy Twin ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อนและเร่งกระบวนการวางแผนพลังงานขั้นต้นในโรงงานทั้งที่มีอยู่ที่เดิมและโรงงานใหม่ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการวางแผนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความร่วมมือดังกล่าวผสานองค์ความรู้ด้านการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และ Digital Energy Twin ของซีเมนส์เข้ากับความชำนาญด้านยานยนต์ของพันธมิตรระดับโลกของเรา เพื่อสร้างเครื่องมือที่สามารถปรับขยายได้สำหรับสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยซีเมนส์จะให้การฝึกอบรมและการสนับสนุน รวมทั้งการบำรุงรักษาและพัฒนา Digital Energy Twin อย่างต่อเนื่องตามแผนการนำไปใช้ที่ครอบคลุมเครือข่ายการผลิตระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์
Digital Energy Twin ได้รับการออกแบบและทดสอบที่ 'Factory 56' ในโรงงานเมอร์เซเดส-เบนซ์เมืองซินเดลฟินเกน ประเทศเยอรมนี โดยใช้แบบจำลองพฤติกรรมของการใช้อาคาร อุปกรณ์ทางเทคนิค และการผลิตพลังงาน
Digital Energy Twin เชื่อมต่อข้อมูล เช่น สภาพอากาศ การจำลองการใช้พลังงานไฟฟ้า สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในอาคารรวมถึงขนาดและมิติ เพื่อจำลองระบบพลังงานและอุปกรณ์ไฟฟ้า ทำให้เห็นภาพการใช้พลังงานในสถานการณ์ต่าง ๆ และให้คำแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งรวมถึงการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
จากการจำลองสถานการณ์ Digital Energy Twin ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกของขั้นตอนการวางแผน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีที่ซีเมนส์ผสานโลกจริงและโลกดิจิทัล เข้าด้วยกันเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนพร้อมขยายขอบเขตไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ นับเป็นก้าวแรกที่น่าตื่นเต้นซึ่งนำไปสู่กระบวนการที่บูรณาการการวางแผน การปฎิบัติการอาคาร และการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Digital Energy Twin แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Siemens Xcelerator ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิดที่เร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และเปิดโอกาสให้ลูกค้าและพันธมิตรร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันตามความต้องการสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซีเมนส์และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดตั้งความร่วมมือทางกลยุทธ์ในปี 2564 สำหรับการผลิตยานยนต์ที่ยั่งยืน ทำให้เกิดความร่วมมือผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับวิธีการผลิตที่ยั่งยืน
สำหรับ Digital Energy Twin จะเป็นคำตอบของทั้ง 2 บริษัท ในการนำเสนอแบบทำให้เห็นภาพ วิเคราะห์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการประหยัดพลังงานของอาคารอย่างยั่งยืน
ด้วยนวัตกรรมนี้ ทั้ง 2 บริษัทได้รับประโยชน์จากความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับอาคารโรงงานที่มีอยู่และเปลี่ยนโฉมสู่อาคารอัจฉริยะ สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของอาคารได้อย่างเต็มที่ และวางมาตรฐานการใช้อาคารที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานและความยั่งยืนในเครือข่ายการผลิตระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์
Digital Energy Twin มีความสำคัญอย่างมากในพอร์ตโฟลิโอโซลูชันของซีเมนส์สำหรับการสนับสนุนลูกค้าอุตสาหกรรมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซีเมนส์ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่ากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติอีกรายหนึ่ง เพื่อไปสู่การวางแผนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในระดับโลก ด้วยการใช้ Digital Energy Twin จำลองการใช้พลังงานและระบุความสามารถในการประหยัดพลังงานจากโรงงานผลิตเบียร์ 15 แห่งทั่วโลก จากการประมาณการของซีเมนส์ แต่ละโรงงานจะสามารถประหยัดพลังงานได้ระหว่าง 15-20 เปอร์เซ็นต์ โดยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 50 เปอร์เซ็นต์ต่อแห่ง
ที่มา siemens
ข่าวที่เกี่ยวข้อง