คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เผยกระแสยานยนต์ไฟฟ้าไทยในหัวข้อ "นวัตกรรมรักษ์โลก ไทยอยู่จุดไหน" ในเวทีงาน Innovation Keeping The World ซึ่งได้เผยเกี่ยวกับกระแสรถ EV ในไทยและทั่วโลก
คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ระบุในงานสัมมนา “Innovation Keeping the World นวัตกรรมรักษ์โลก ไทยอยู่จุดไหน? จัดโดย สปริงนิวส์ , เนชั่นออนไลน์ , ฐานเศรษฐกิจ และสื่อภายในเครือเนชั่น กรุ๊ป ว่า
เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของ Climate Change ภาวะโลกร้อนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และยังเป็นมีหัวข้อที่ว่า "ถ้าจะซื้อรถ 1 คัน เรามีงบล้านกว่าบาทจะเลือกซื้อรถยนต์สันดาปภายในหรือรถยนต์ไฟฟ้า" เรามาดูกราฟที่แสดงถึงกระแสเทรนด์ต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ข้ามไปที่กราฟเทรนด์โลกในเชิงการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ข้อมูลของเทียบกับปีที่แล้วกับปี 2017 เป็นจำนวนรถยนต์สันดาปภายในเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ทั้งโลกจำหน่ายจำหน่ายไปประมาณ 85 ล้านคัน สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียง 1.21 ล้านคัน
และเมื่อ 5 ปีต่อมาเมื่อปีที่แล้ว จำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวนการขายทั่วโลกลดลงมาเป็น 63.2 ล้านคัน ทดแทนด้วย 10.6 ล้านคันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รถยนต์ไฟฟ้าขายมากกว่า 10 ล้านคัน และปีนี้โลกจะมีการขายรถยนต์ไฟฟ้าคาดการณ์ว่าจะมีจำนวน 14 ล้านคัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ประเทศที่มีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากคือ "ประเทศจีน" นี่คือเทรนด์ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย เทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทั่วโลก แต่สิ่งที่เห็นแน่ๆรถยนต์ ICE เริ่มมียอดขายลดลง
เป็นคำถามที่ว่า ทำไมเราจะต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็มาจากการเผาถ่านหรือ Natural Gas แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้พลังงานใหม่ (Renewable Energy) มากขึ้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานสีเขียว
ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตของรถยนต์ BEV เทียบออกมาทั้ง BEV Plug-In Hybrid จนไปถึงรถไฮบริด BEV ในปีที่แล้วจดทะเบียนไปแล้วกว่า 20,816 คัน เติบโตกว่า 400% เทียบกับปีก่อนหน้า
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างๆช่วยให้คนไทยซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จักรยานยนต์ไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูกลง ไรเดอร์หรือวินมอเตอร์ไซค์เริ่มเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงการขนส่งสาธารณะ เช่น รถบัส รถเมล์ไฟฟ้า ในกรุงเทพมหานคร นับรวมปีนี้จดทะเบียนไปแล้วทั้งหมด 976 คัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
อนาคตมีแนวโน้มนโยบายต่างๆจากรัฐบาลและหน่วยต่างๆ สนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการเดินทางสาธารณะ ในไตรมาสแรกมีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 14,777 คัน ในเดือนเมษายนคาดว่าจะมีราว 18,000 คัน ซึ่งล้วนนำเข้ามาจากประเทศจีนทั้งสิ้น
ปี 2024 เป็นต้นไปจะมีค่ายรถยนต์ต่างๆเข้ามาประกอบและผลิตในประเทศไทย ตามที่ได้เซ็น MOU กันไว้กับผู้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 10-11 ของโลก แต่เราทำได้เพียงนำเข้าและมาประกอบในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบันยังมีการใช้ Car Sharing เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น haup car ในอนาคตก็ควรจะมีการสนับสนุนให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยในด้านสิ่งแวดล้อมได้ด้วย
สถานีชาร์จ EV หรือ Charging Station มีจำนวนหัวจ่าย 15 คันต่อ 1 หัวจ่าย ทั่วโลกอยู่ที่ 10 คันต่อ 1 หัวจ่าย ซึ่งภายในปีนี้ ต้นปีเรามีการจดทะเบียน 14,000 คัน และปลายปีจะอยู่ราวๆ 50,000 คัน สถานีชาร์จจึงจะเติบโตไปตามจำนวนรถที่จดทะเบียนในอนาคต
ซึ่งเทคโนโลยีในอนาคตสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ก็จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จเพื่ออำนวยความสะดวก การร่วมมือของผู้ให้บริการสถานีชาร์จต่างๆ มีโครงการเพื่อให้สามารถใช้แอปพลิเคชั่นร่วมกันได้
ในส่วนของ Eco-System ประเทศไทยได้มีเป้าหมายที่จะเข้าไปสู่การใช้และการผลิตรถยนต์ประเภท ZEV ไม่ว่าจะเป็นไฮโดรเจน , ไฟฟ้า ไม่นับรถยนต์สันดาป ดังนี้
ภายใน 2 ปี ตั้งเป้าในการจดทะเบียน 30% ของรถทั้งหมด และภายในปี 2030 ตั้งเป้าที่จะผลิตจำนวน 50% ของทั้งหมด และภายในปี 2035 ตั้งเป้าผลิตเป็น 100% ของการผลิตทั้งหมด และในอนาคตเราจะได้เห็นรถที่สามารถรีไซเคิลได้ มีการนำใช้ Recycle Material มากขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์ในด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น