ทำตามสัญญา ! “โดนัลด์ ทรัมป์” ลงนามถอน สหรัฐฯ จากข้อตกลงปารีส
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง "ประธานาธิบดีสหรัฐ" อย่างเป็นทางการ โดนัลด์ ปรัมป์ ได้ลงนามกว่า 78 ฉบับ หนึ่งในนั้นคือการ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส (Paris agreement) จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?
SHORT CUT
- ทรัมป์ ได้ลงนามยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 78 ฉบับ และถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส” (Paris agreement)
- รัมป์ได้กล่าวพาดพิงไปถึง ‘จีน’ ด้วยว่า “จีนผลิต และใช้พลังงานสกปรกจำนวนมาก เมื่อมันลอยขึ้นสู่อากาศ มันจะไม่อยู่ที่นั่น (จีน) แต่มันจะลอยเข้าสู่สหรัฐฯ หลังจากผ่านไป 3-5 วัน”
- นโยบายด้านพลังงานในสมัยที่ 2 ของทรัมป์ อาจทำให้ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 4 พันล้านตัน ภายในปี 2030
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง "ประธานาธิบดีสหรัฐ" อย่างเป็นทางการ โดนัลด์ ปรัมป์ ได้ลงนามกว่า 78 ฉบับ หนึ่งในนั้นคือการ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส (Paris agreement) จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหววันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของ “โดนัลด์ ปรัมป์” หลังเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
เบื้องต้น ทรัมป์ ได้ลงนามยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 78 ฉบับ ที่เกิดขึ้นในยุคของ โจ ไบเดน (Joe Biden) และดูเหมือนว่าเจ้าตัวยืนยันสิ่งที่เคยลั่นวาจาไว้นั่นก็คือจะ "ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส” (Paris agreement)
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ร่อนจดหมายถึงสหประชาชาติเพื่อแจ้งเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ตอนนี้สหรัฐฯ กลายเป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่ไม่เข้าร่วมข้อตกลงโลกร้อน อันได้แก่ อิหร่าน เยเมนร และลิเบีย
มิเพียงแค่ประกาศถอนตัวเท่านั้น แต่ทรัมป์ได้กล่าวพาดพิงไปถึง ‘จีน’ ด้วยว่า “จีนผลิต และใช้พลังงานสกปรกจำนวนมาก เมื่อมันลอยขึ้นสู่อากาศ มันจะไม่อยู่ที่นั่น (จีน) แต่มันจะลอยเข้าสู่สหรัฐฯ หลังจากผ่านไป 3-5 วัน”
เดอะการ์เดียน (The Guardian) เปิดเผยว่า หลังจากนี้ ทรัมป์ จะเดินหน้าลบล้างข้อจำกัดทั้งหมดที่ฉุดรั้งอุตสาหกรรมฟอสซิล ซึ่งเป็นการถอดถอนข้อคำสั่งของโจ ไบเดนก่อนหน้านี้ อันอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ทั้งยังสั่งห้ามขุดเจาะน้ำมันก๊าซ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง มีการคาดการณ์ว่า นโยบายของเจ้าตัวอาจทำให้ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 4 พันล้านตัน ภายในปี 2030
เมื่อทรัมป์ประกาศชัดเช่นนี้ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ทันที ทางด้านของ บาซาฟ เซน ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายศึกษา เปิดเผยว่า แม้ (ส่วนตัว) เขาจะเชื่อว่าลำพังแค่ข้อตกลงปารีสอาจไม่สามารถช่วยกู้โลกร้อนได้ แต่การที่ทรัมป์ถอนสหรัฐฯ ออกนั้นถือเป็นเรื่องน่าตำหนิ
“ทรัมป์ และฝ่ายบริหารไม่สนใจดำเนินการพร้อมกันประเทศอื่น ๆ ในการป้องกันหายนะจากวิกฤตสภาพอากาศ ทั้งยังหันไปผลักดันเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา”
ฮาร์จีต ซิงห์ นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศและผู้อำนวยการก่อตั้งมูลนิธิสภาพอากาศซาตาต สัมปาดา เปิดเผยว่า “การที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงด้านสภาพอากาศ “ทำให้การต่อสู้ร่วมกันเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศลดน้อยลง”
“ประเทศ และชุมชนเปราะบาง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกน้อยที่สุด จะได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัยที่ทวีความรุนแรงขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และภัยแล้งที่รุนแรง”
ที่มา: The Guardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
