SHORT CUT
โศกนาฏกรรมน้ำท่วมในสเปน มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 200 ราย พบร่างส่วนใหญ่ติดอยู่รถยนต์ ในขณะที่ชาวสเปนไม่พอใจที่ระบบเตือนภัยทำงานล่าช้าไปหลายชั่วโมง
นักวิจัยด้านสภาพอากาศ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ฝนตกหนักผิดปกติคือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของชาวท้องถิ่นที่เรียกว่า ‘โกตา ฟริอา’ คอนเซปต์คือเมื่ออากาศเย็นพัดเข้าสู่ผืนน้ำที่อุ่นกว่าเหนือทะเลมะดิเตอร์เรเนียนจนทำให้เกิดฝนถล่ม
ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยอีกว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ทำให้สภาพอากาศรุนแรงเช่นนี้ เกิดบ่อยขึ้น และสร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ทางด้านของ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิด์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์อธิบายถึงต้นตนของน้ำท่วมฉับพลับในสเปนว่า
“โลกร้อนทำให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวนสุดขีด ฝนแบบ Rain Bomb ถล่มลงมาแค่ 8 ชั่วโมง มากกว่าฝนทั้งปีรวมกัน”
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กำลังระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการช่วยชะล้างโคลน ทำความสะอาดเมืองยกเครื่องใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งดำเนินการเก็บกู้ซากรถที่เสียหาย อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายต่อไป ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วไม่น้อยกว่า 200 ราย
ทีมกู้ภัยได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า ศพส่วนใหญ่ติดอยู่ในรถ ไม่สามารถออกมาได้ทันเวลา และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพิ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 7 ราย ที่ติดอยู่ในลานจอดรถชั้นใต้ดิน
ขณะที่ นายกเทศมนตรี Paiporta ซึ่งเป็นมณฑลหนึ่งของวาเลนเซีย กล่าวกับวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติว่า น้ำมาเร็วมากจนไม่สามารถช่วยผู้สูงอายุได้ทุกคน จึงมีผู้สูงอายุเสียชีวิตในบ้านพักคนชราราว 7 ราย
ขณะนี้ ประชาชนกำลังตั้งคำถามถึงระบบเตือนจากภาครัฐ ที่อาจกล่าวได้ว่า ช้า และประมาทเกินไป ซึ่งนำมาสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ โดย SPRiNG ได้ทำการรวบรวม-เรียบเรียงไทม์ไลน์การแจ้งเตือน และรับมือกับน้ำท่วมครั้งนี้ไว้ดังนี้
แม้เวลานี้ระดับน้ำจะลดลงแล้ว แต่คาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาหลักเดือนเพื่อฟื้นฟู ทำความสะอาดโคลน รวมถึงกู้ซากความเสียหาย เพื่อให้วาเลนเซียกลับมาเป็นปกติ ขณะที่ รัฐบาลระดับภูมิภาคของบาเลนเซีย เปิดเผยว่า บ้านเรือนกว่า 90% มีไฟฟ้าใช้แล้ว
โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ มิใช่แค่สำหรับสเปน แต่เป็นทุกประเทศ ที่ต้องกลับมาทบทวนถึงความสำคัญของระบบเตือนภัยอีกครั้ง
ที่มา: CNN
ข่าวที่เกี่ยวข้อง