svasdssvasds

Data Center รุดหน้าด้าน AI แต่กำลังทำร้ายโลก? 2 บิ๊กเทคฯ ปล่อยคาร์บอนกันฉ่ำ ๆ

Data Center รุดหน้าด้าน AI แต่กำลังทำร้ายโลก? 2 บิ๊กเทคฯ ปล่อยคาร์บอนกันฉ่ำ ๆ

ศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ของ Google และ Microsoft ได้รับการเปิดเผยว่าปล่อยก๊าซคาร์บอน 50% และ 30% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2573 ริบหรี่ลงเรื่อย ๆ?

Data Center รุดหน้าด้าน AI แต่กำลังทำร้ายโลก? ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Google และ Microsoft แข่งกันปล่อยมลพิษกันอย่างดุเดือด จนน่าตั้งคำถามว่าเป้าหมาย Net Zero ที่ 2 บิ๊กเทคฯ ตั้งเอาไว้

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว บริษัท Google ตั้งเป้าไว้ว่าต้องบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2573 ถือเป็นเรื่องยอดเยี่ยมที่บิ๊กเทคฯ ให้ความสำคัญกับช่วยลดต้นตอที่ทำให้โลกร้อน

ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในดักลาส รัฐแอริโซนา สหรัฐฯ  เครดิต Google

แต่แทนที่จะลดลง Google กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2566 (14.3 ล้านเมตริกตัน) และตัวเลขพุ่งสูงถึง 48% เมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยในปี 2562 ซึ่งปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนของ Google หลัก ๆ แล้วมาจากศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ที่บริษัทลงทุนอย่างมากเพื่อพัฒนา AI

ขณะที่ บริษัท Microsoft ถูกรายงานว่าปล่อยก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนั้นมีต้นตอมาจากศูนย์ข้อมูล (Data Center) อ้างอิงข้อมูลจากรายงานความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมประจำปีของบริษัท

ศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ของบริษัท Microsoft เครดิต Microsoft

แต่ในกรณีนี้ ทางไมโครซอฟต์เรียกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนทางอ้อม หมายความว่าก๊าซคาร์บอนส่วนใหญ่หลัก ๆ แล้วมาจากวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง และส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการสร้างศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center คือแหล่งพัฒนา AI ที่บิ๊กเทคฯ ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ แต่คำถามคือบริษัทจะทำอย่างไรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อบรรลุ Net Zero

ข้อมูลจาก Goldman Sachs เปิดเผยว่าการใช้ไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลจะคิดเป็น 8% ของการใช้ไฟในสหรัฐฯ ภายในปี 2573

Goldman Sachs คาดการณ์ว่าสัดส่วนไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูล ที่ได้จากก๊าซธรรมชาติจะมีสัดส่วน 60% ขณะที่ พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วน 40% สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าปัญหาด้านสภาพอากาศจะทำให้ไม่สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์ และลมได้มากเพียงพอ กลับกัน ก๊าซจากธรรมชาติ ถ่านหิน หรือเชื้อเพลิงฟอสซิลจะมีบทบาทมากขึ้น

 

ที่มา: The Guardian, CNBC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related