SHORT CUT
น้ำท่วมใหญ่บราซิลนานกว่า 40 วัน ทำเมืองร้าง หลังน้ำลดชาวบ้านกลับไปอยู่ไม่ไหว สัญญาณหายนะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงจากสภาวะโลกเดือด
พฤษภาคมที่ผ่านมา บราซิลเผชิญน้ำท่วมหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต สูญหาย หรือบาดเจ็บจำนวนมาก นอกจากนี้มันยังทำให้ประชาชนหลายแสนคนไม่มีที่อยู่อาศัย และการที่น้ำท่วมนานถึงเกือบ 40 วัน ทำให้ทุกวันนี้ แม้น้ำจะลดลงแล้ว แต่สภาพของเมืองกลับเลวร้ายจนประชาชนจำเป็นต้องทิ้งบ้านเรือน เมืองทั้งเมืองกลายเป็น Ghost town หรือเมืองร้างไปแล้ว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เปิดเผยว่า น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นในบราซิลเมื่อเดือนก่อนหน้านี้ นอกจากจะคร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 170 คน และทำให้ประชาชนอีกราว 5 แสนคนไม่มีที่อยู่อาศัย ยังเป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่า หายนะที่น่ากลัวกว่านี้กำลังมาเยือนภูมิภาคอเมริกา เพราะปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ประชาชนราว 389,000 คนในรัฐรีโอกรันดีโดซูลต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ดังกล่าว หลังเกิดฝนตกหนัก โดยเจ้าหน้าที่ชี้ว่า นี่คือภัยพิบัติที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ปัญหารการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
แอนดรูว์ ฮาร์เปอร์ ที่ปรึกษาพิเศษว่าด้วยความเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศของ UNHCR เดินทางลงพื้นที่เมืองปอร์ตูอาเลเกร ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐดังกล่าว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และเขาบอกว่า ตอนนี้ที่นั่นกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว เพราะจมอยู่ใต้น้ำมานานเกือบ 40 วัน แม้กระทั่งหนูยังไม่เห็นสักตัว ทุกสิ่งล้วนตายหมด
นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วม ชาวบ้านหลายคนยังไม่กลับไปบ้านของตนเองเลย ขณะที่สภาพถนนหลังน้ำลดก็ยังเต็มไปด้วยเศษขยะและซากปรักหักพังต่างๆ ประชาชนหลายคนยังคงอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวและยังไม่กลับบ้าน ส่วน UNHCR กำลังช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นของบราซิลในการสร้างบ้านชั่วคราวขึ้นมาก่อน
แต่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมที่รุนแรง อาจจะไม่กลับบ้านแล้ว พวกเขาเองถูกบังคับให้ต้องย้ายบ้านหนี เนื่องจากน้ำท่วมซ้ำซาก
เจ้าหน้าที่ของ UNHCR จึงเตือนรัฐบาลเรื่องภัยพิบัติจากสภาพอากาศ รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือเหตุการณ์แบบนี้ให้ดีขึ้น สิ่งที่เรากำลังเห็นสถานการณ์ฉุกเฉินในบราซิล คือสิ่งที่เราอาจจะเห็นในภูมิภาคอเมริกาต่อจากนี้ ถ้าหากเราเพิกเฉยต่อมัน