svasdssvasds

'พัชรวาท' จับมือ 'สมศักดิ์' ยกระดับคุ้มครองสุขภาพประชาชน ในยุคโลกเดือด

'พัชรวาท' จับมือ 'สมศักดิ์' ยกระดับคุ้มครองสุขภาพประชาชน ในยุคโลกเดือด

"พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" จับมือกับ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" เตรียมความพร้อมคุ้มครองสุขภาพประชาชน สร้างภูมิคุ้มกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้คนไทยปรับตัวรอดได้ในยุคโลกเดือด

SHORT CUT

  • พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เผย เตรียมยกระดับการขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม
  • นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  เผยว่า มีประชากร 3,600 ล้านคน อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคาดว่าในช่วงปี พ.ศ. 2573 – 2593 จะมีผู้เสียชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 250,000 คนต่อปี
  • พร้อมผลักดันนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านสาธารณสุข (พ.ศ. 2564 – 2573) รวมทั้ง การสร้าง “ระบบสุขภาพที่มีความยืดหยุ่น ภายใต้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า”

"พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" จับมือกับ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" เตรียมความพร้อมคุ้มครองสุขภาพประชาชน สร้างภูมิคุ้มกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้คนไทยปรับตัวรอดได้ในยุคโลกเดือด

วันที่ 25 มิถุนายน 2567 ณ ตึกนารีสโมสรทำเนียบรัฐบาล พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ “การบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสาขาสาธารณสุข ภายใต้แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ”

\'พัชรวาท\' จับมือ \'สมศักดิ์\' ยกระดับคุ้มครองสุขภาพประชาชน ในยุคโลกเดือด

โดยนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ กับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เชื่อมโยงการวางแผนตามแนวทางการปรับตัวและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีส่วนร่วม

พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า "กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ความสำคัญกับการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน"

"จึงได้มีความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพของประเทศไทย ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในทุกพื้นที่ รวมถึงการลดและป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"

\'พัชรวาท\' จับมือ \'สมศักดิ์\' ยกระดับคุ้มครองสุขภาพประชาชน ในยุคโลกเดือด

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการบูรณาการการดำเนินงานของทั้งสองกระทรวง ตั้งแต่แผนและมาตรการที่เกี่ยวข้อง การเตรียมความพร้อมเพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน

การพัฒนามาตรฐาน งานวิชาการ นวัตกรรม ข้อมูลสารสนเทศ องค์ความรู้เรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวฯ ตามเป้าหมายของประเทศไทย ที่สอดคล้องกับแผนการปรับตัวฯ ระดับโลกด้านสาธารณสุขอีกด้วย

โดย ทส. จะสนับสนุนการเชื่อมโยงการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือทั้งในและระหว่างประเทศ ตลอดจนการขอรับการสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อสร้างสังคมที่มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่ประชาชนชาวไทยต่อไป

\'พัชรวาท\' จับมือ \'สมศักดิ์\' ยกระดับคุ้มครองสุขภาพประชาชน ในยุคโลกเดือด

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่า มีประชากร 3,600 ล้านคน อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคาดว่าในช่วงปี พ.ศ. 2573 – 2593 จะมีผู้เสียชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 250,000 คนต่อปี

ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับนานาชาติ ตามนโยบายขององค์การอนามัยโลกและในระดับประเทศ

โดยผลักดันนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านสาธารณสุข (พ.ศ. 2564 – 2573) รวมทั้ง การสร้าง “ระบบสุขภาพที่มีความยืดหยุ่น ภายใต้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการพัฒนาระบบการให้บริการสุขภาพ เมื่อเผชิญกับภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  

ตลอดจนการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนและชุมชนสามารถจัดการความเสี่ยงต่อสุขภาพ และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งการทำงานร่วมกันของทั้งสองกระทรวง จะเป็นต้นแบบการขยายผลความร่วมมือเพื่อสร้างสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยและโลกใบนี้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related