โลกร้อนคือเรื่องของทุกคน ปรับทัศนคติ สื่อสาร ร่วมกันแก้ปัญหา เป็นสิ่งสำคัญ
ในงานเปิดตัวสำนักข่าว Climate Center ของ ฐานเศรษฐกิจ ภายใต้สโลแกน "ปลุก ปรับ เปลี่ยน โลกยั่งยืน" พร้อมทั้งยังมีการลงนามความร่วมมือ MOU ร่วมกับ “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
SHORT CUT
- โลกร้อนเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องประสบปัญหาร่วมกัน โลกร้อนไม่มีการแบ่งฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ต้องเจอ
- การปรับทัศนคติให้เข้าใจร่วมกันว่า โลกร้อนเป็นปัญหาของทุกคนที่ต้องช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดความร่วมมือกันในการแก้ปัญหา
- ยิ่งสื่อสารมาก ประชาชนรับรู้มาก ก็การช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะดีขึ้น
ในงานเปิดตัวสำนักข่าว Climate Center ของ ฐานเศรษฐกิจ ภายใต้สโลแกน "ปลุก ปรับ เปลี่ยน โลกยั่งยืน" พร้อมทั้งยังมีการลงนามความร่วมมือ MOU ร่วมกับ “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และ นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด ทั้งนี้มี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ คุณฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ร่วมให้เกียรติเป็นประธานสักขีพยาน เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในส่วนของปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ บทบาทภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชนกับการรับมือโลกร้อน โดยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึง Biodiversity collapse ปัญหาสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจากโลกที่ร้อนขึ้น ภูมิอากาศของโลกแปรปรวนอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงระบบเศรษฐกิจ จนทำให้บริษัทๆ ใหญ่ๆ หลายแห่งตั้งเป้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมุ่งสู่ความเป็น Sustainability บริษัทเล็กๆ หรือ SME ก็ต้องการแรงสนับสนุนในด้านต่างๆ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว “โลกร้อนเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องประสบปัญหาร่วมกัน โลกร้อนไม่มีการแบ่งฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ต้องเจอ ดังนั้นยิ่งเราสื่อสารมากเท่าไร พี่น้องประชาชนก็จะรับรู้มากเท่านั้น ทำให้เกิดการช่วยกันแก้ปัญหา"
"ตัวอย่างเช่น เรื่องไฟป่าเกิด เรื่องฝุ่น PM2.5 สิ่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ต้องสื่อสาร ทำอย่างไรสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ และจากนี้ไปอีก 10 ปี คนจะพูดถึงเรื่องข้อมูลที่เสี่ยง อากาศที่ร้อนสุดขั้ว การสูญเสียความหลากหลายมากขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการปรับทัศนคติให้เข้าใจร่วมกันว่า โลกร้อนเป็นปัญหาของทุกคนที่ต้องช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดความร่วมมือกันในการแก้ปัญหา”
ในส่วนของภาครัฐบาลมีแผนไปสู่เป้าหมาย โดยต้องการนำแผนนี้ไปให้ทุกภาคส่วนปฎิบัติ ซึ่งมียุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน แต่ทุกเซกเตอร์ต้องมีเป้าหมายในการลด และยังมีอีกเซกเตอร์ คือ การปลูกป่า และเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อให้เกิดความสมดุลในประเทศไทย และที่สำคัญอีกอย่างคือกฎหมายโลกในเรื่องของการบังคับใช้ เพราต่อให้กฏหมายดีขนาดไหน หากไม่มีการบังคับใช้ที่ดีก็ไม่มีประโยชน์
ตอนนี้มีศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัดขึ้นมา โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ลงไปฝึกระดับจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ. ศูนย์ฯระดับจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีบริบทที่ต่างกัน เช่น จังหวัดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด อย่าง สระบุรี ระยอง ซึ่งมีความเจริญทางด้านสาธารณูปโภค มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ส่วนจังหวัดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย อย่าง แม่ฮ่องสอน ที่เต็มไปด้วยป่าไม้แต่ยังขาดความเจริญบางอย่าง คุณภาพชีวิตแต่ละจังหวัดจึงไม่เหมือนกัน และจึงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเคยทำให้มีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ดังนั้นยิ่งสื่อสารมาก ประชาชนรับรู้มาก ก็การช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะดีขึ้น เช่น เรื่องหมอกควันไฟป่า
"สิ่งสำคัญคือการปรับทัศนคติให้เข้าใจร่วมกันว่า โลกร้อนเป็นปัญหาของทุกคนที่ต้องช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดความร่วมมือกันในการแก้ปัญหา” จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
