SHORT CUT
จากรายงานสถานะสภาพภูมิอากาศโลกขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ล่าสุดพบว่าอุณหภูมิใกล้พื้นผิวโดยเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2023 อุณหภูมิสูง 1.45°C โลกร้อนกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมแล้ว และความเข้มข้นก๊าซเรือนกระจกก็ยังทำลายสถิติอีกด้วย
ปี 2023 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกก็ยังทำลายสถิติ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ความร้อนและความเป็นกรดของมหาสมุทร น้ำแข็งปกคลุมในทะเลแอนตาร์กติก อุณหภูมิพื้นผิว และการถอยของธารน้ำแข็ง ทุกอย่างมาจากสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
WMO ส่งสัญญาณเตือนไปทั่วโลกถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความสำคัญมากกว่าอุณหภูมิเป็นอย่างมาก ในปี 2023 มหาสมุทรร้อนขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การล่าถอยของธารน้ำแข็ง และการสูญเสียน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติก ทำให้เกิดความกังวลเป็นอย่างยิ่ง
รายงาน WMO ล่าสุดยืนยันอีกรายงานหนึ่งที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม 2023 โดย Copernicus Climate Change Service สรุปว่าปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์นอกจากอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์แล้ว ในปี 2023 ยังพบว่ามีความเข้มข้นสูงสุดที่บันทึกไว้ของก๊าซเรือนกระจกหลัก 3 ชนิด ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ตัวอย่างเช่น ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงกว่าในยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 50 เปอร์เซ็นต์
มหาสมุทรและไครโอสเฟียร์ของโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ปริมาณความร้อนในมหาสมุทรถึงระดับสูงสุด อีกทั้งยังมีคลื่นความร้อนในทะเลบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น เช่น ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 ทะเลนอกชายฝั่งฟลอริดามีอุณหภูมิสูงถึง 38.3 องศาเซลเซียสซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ มันเท่ากับอุณหภูมิในอ่างน้ำร้อนเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันระดับน้ำทะเลทั่วโลกก็สูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1993 เมื่อดาวเทียมเริ่มบันทึกปรากฏการณ์โลกร้อน ซึ่งเกิดจากการขยายตัวทางความร้อนของน้ำทะเล รวมถึงการละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง
ขอบเขตน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกนั้นต่ำที่สุด และอีกด้านหนึ่งของโลก ขอบเขตน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกนั้นต่ำกว่าปกติมาก แผ่นน้ำแข็งที่สำคัญที่สุดสองแผ่นของโลก ได้แก่ แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์และแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติก ก็ประสบปัญหาการละลายในระดับสูงอย่างน่ากังวลเช่นกัน
โลกยังเห็นการเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง รวมถึงน้ำท่วม พายุไซโคลนเขตร้อน คลื่นความร้อนและความแห้งแล้งที่รุนแรง และไฟป่าที่เกี่ยวข้อง โลกจะร้อนขึ้นและเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงในรูปแบบต่างๆ จะเพิ่มมากขึ้นในทุกทวีป ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารและการพลัดถิ่น
WMO ได้นำเสนอหนทางแก้ไขถึงแม้มันจะเป็นความหวังอันริบหรี่ก็ตาม โดยเราต้องหันมาใช้พลังงานจากพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว
“รายงานล่าสุดนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าการกระทำของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร ภาวะโลกร้อนมีส่วนทำให้เกิดความเดือนร้อน ก็มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับโดมิโน ซึ่งเรากำลังเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการกระทำของเรา แต่ปี 2023 จะเป็นเพียงรสชาติของสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากไม่มีการดำเนินการร่วมกัน” ดร.เอลลา กิลเบิร์ต นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศจากการสำรวจแอนตาร์กติกของอังกฤษ กล่าว
ที่มา : IFL Science
เนื้อหาที่น่าสนใจ :