SHORT CUT
โลกร้อนกำลังทำให้เทรนด์เสื้อผ้าเปลี่ยนไป เพราะในช่วงฤดูหนาว บางพื้นที่ของโลกก็ไม่หนาวเท่าเมื่อก่อน ในขณะที่หน้าร้อนกลับร้อนมากขึ้น นั่นทำให้แบรนด์เสื้อผ้าแมงโก้ (Mango) ปรับตัวด้วยการเลิกผลิตเสื้อผ้าตามฤดูกาล
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า Mango แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติสเปน กำลังปรับตัวใหม่ หลังปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้วงการแฟชั่นไม่สามารถผลิตเสื้อผ้าออกมาเป็นคอลเลคชั่นตามฤดูกาลได้เหมือนเมื่อก่อน
โดยตามปกติแล้ว อุตสาหกรรมเสื้อผ้ามักจะทำงานให้สอดคล้องกับฤดูกาล แต่ปัญหาโลกร้อนทำให้พวกเขาต้องปรับตัว เพื่อสร้างเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ทั้งในอากาศร้อนและอากาศหนาว
โทนี รูอิซ ผู้บริหารของแมงโก้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อคุณผ่านฤดูร้อนมา ร้านค้าทั้งหมดก็จะเต็มไปด้วยเสื้อผ้าฤดูหนาว ลูกค้าส่วนมากจะเข้ามาเลือกเสื้อผ้าสิ่งที่ตนเองต้องการในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สเปนและประเทศอื่นๆในยุโรปกำลังเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นในบางช่วงเวลาของปี และบางพื้นที่ก็มีฝนตกมากขึ้น ซึ่งนั้นทำให้เทรนด์เรื่องเสื้อผ้าเปลี่ยนแปลงไป
รูอิซเล่าว่า ปัจจุบันนี้ แฟชั่นที่กำลังเป็นกระแสในหมู่ผู้หญิงก็คือ เสื้อเทรนช์โค้ทแบบบางเบา ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของเสื้อผ้าสำหรับการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล โดยเทรนช์โค้ทคือเสื้อคลุมตัวยาวที่มักผลิตมาจากผ้าที่กันฝนได้
แต่ขณะเดียวกันก็เหมาะสำหรับอากาศที่ไม่หนาวมาก ในขณะที่ผู้ชาย แมงโกก็นำเสนอเสื้อผ้าที่ทำมาจากผ้า performance fabric หรือผ้าที่มีเส้นใยประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ระบายอากาศได้ดีขึ้น และรับมือกับเหงื่อได้ดีกว่าในวันที่มีอากาศร้อน
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แมงโก้ยังเปลี่ยนไปผลิตสินค้าตามแต่เทรนด์จากผู้ผลิตในยุโรป และบางชิ้นก็มาจากในเอเชีย
โดยนับจนถึงสิ้นปี 2023 สินค้าของแมงโก้มาจากโรงงานราว 3,000 แห่งในจีน ตุรกี อินเดีย บังกลาเทศ สเปน อิตาลีและโปรตุเกส การที่แมงโกมีเครือข่ายสินค้าที่ยืดหยุ่น ช่วยให้แมงโก้ไม่ประสบปัญหาการหยุดชะงักของการส่งสินค้าผ่านการขนส่งทางเรือ หลังเจอวิกฤตความขัดแย้งในทะเลแดงด้วย
ทั้งนี้ ผู้บริหารของแมงโกยังเปิดเผยด้วยว่า ตอนนี้แมงโก้กำลังมุ่งเน้นไปที่การลงทุนการขยายจำนวนหน้าร้าน และพัฒนาเทคโนโลยี โดยกำลังใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ช่วยตามกระแสในโซเชียลมีเดีย
ที่มา: REUTERS
ข่าวที่เกี่ยวข้อง