สตรอว์เบอร์รีกำลังวิกฤตในฟลอริดา เมืองที่มีสตรอว์เบอร์รีเป็นมูลค่าการส่งออกอันดับ 2 รองจากส้ม กำลังเพาะปลูกยากขึ้น พืชผลเสียหายเนื่องจากโลกร้อนทำให้เกิดภัยแล้ง
ฟลอริดาต้องเริ่มปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนแล้ว ล่าสุดสตรอว์เบอร์รีในฟลอริดา ซึ่งถือเป็นพืชผลที่มีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับสองรองจากส้ม กำลังได้รับผลกระทบ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน
รายงานฉบับใหม่ของกองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อม (EDF) อุณหภูมิที่สูงขึ้นและภัยแล้งส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากปกติแล้ว อุณหภูมิที่สตรอว์เบอร์รีต้องการจะอยู่ที่ 10-26 องศาเซลเซียส เพื่อที่พวกมันจะสามารถออกดอกออกผลและเติบโตได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่องแผนรับมือเอลนีโญสู้ภัยแล้ง แผนสำรองขุดน้ำใต้ดินมาใช้กรณีไม่มีฝน
วิจัยชี้ รีไซเคิลไม่ใช่ทางออกรักษ์โลก แต่กลับสร้างไมโครพลาสติกมหาศาลแทน
รู้หรือไม่ ! ภัยแล้งพ่นพิษ กระทบต่อกาแฟโรบัสต้าที่มากสุด ! กว่าชนิดอื่น
อีกทั้งในช่วงปี 2007 เกษตรกรฟลอริดาก็ได้เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกสตรอว์เบอร์รีจาก 6,000 เป็น 10,000 ไร่ แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาถูกบังคับให้ย้ายการทำไร่หรือหาวิธีอื่นในการปรับตัวสำหรับทำการเกษตรในปีต่อ ๆ ไป
นอกจากนี้ ยังเกิดพายุเฮอริเคนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อไร่สตรอว์เบอร์รีด้วย ทำให้ผลสรุปของผลผลิต โดยเฉพาะในไร่ Hillsborought County ลดลง 11% และรายได้สุทธิต่อเอเคอร์ลดลง 10% ภายในกลางศตวรรษนี้
WMO เผย Climate Change ช่วง 50 ปี เกิดภัยพิบัติ 12,000 ครั้ง คร่าชีวิตกว่า 2 ล้าน
เนื้อปลาสังเคราะห์ชิ้นแรกของโลก ทำจาก 3D Printing ลดปัญหาสวัสดิภาพสัตว์
งานต่อไป เกษตรกรต้องพยายามรับมือโดยการพัฒนาพืชปบบผสมผสาน หรือเทคนิคต่าง ๆ เช่น การนำหุ่นยนต์มาใช้ และการเติมชั้นหินอุ้มน้ำให้สตรอว์เบอร์รี
ในอนาคต การผลิตสตรอว์เบอร์รีของสหรัฐฯอาจย้ายไปทางเหนือมากขึ้น และจะสร้างภาระด้านค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรมากขึ้นด้วย
ที่มาข้อมูล
AXIOS Miami