ชัชชาติ รับแผนป้องกันน้ำท่วม ดร.เสรี ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น อนาคตต้องผันน้ำผ่านจังหวัดอื่นโดยให้กรมชลประทาน เป็นตัวกลาง ย้ำต้องลงพื้นที่เพื่อให้เห็นปัญหา-ติดตาสถานการณ์ ศูนย์สั่งการด้านกรมชลประทาน ยัน น้ำปี 65 ไม่เหมือนปี 54 ยังเฝ้าระวังปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด
ช่วงเช้าวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับ รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต และกรมชลประทาน เพื่อเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบน้ำท่วม โดยเริ่มประชุมกันที่โรงเรียนกุศลศึกษา วัดชัยพฤกษมาลาฯ เขตตลิ่งชันซึ่งระหว่างการประชุม ดร.เสรี ได้เสนอแผนระยะสั้นอยากให้จัดตั้งศูนย์บริการน้ำส่วนหน้าเขต โดยมีผอ.เขต เป็นหัวหน้าศูนย์เพื่อประสานคนในท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด และให้ผู้อำนวยการเขตติดตามสถานการณ์ฝน น้ำ และประเมินความพร้อมและให้ผู้ว่าฯ บัญชาการติดตาม ตรวจสอบให้เป็นไปต่อข้อสั่งการ และชี้แจงกับประชาชน และประสานหน่วยงานภายนอกเพื่อช่วยลดผลกระทบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โครงการเนชั่นปันน้ำใจ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม
อนุพงษ์ เผยสาเหตุน้ำท่วมกรุงเทพ ฝั่งตะวันออก คาดปลาย ก.ย. ไทยเจอพายุอีก
สถานการณ์น้ำวันนี้! ฝนตกหนักบางแห่ง เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นฉับพลัน
ส่วนแผนระยะกลาง และระยะยาว ได้เสนอ ให้ผอ.เขต หน่วยงาน และภาคประชาชน หาพื้นที่หน่วงน้ำ พื้นที่สีเขียว ถังเก็บน้ำ และการระบายน้ำในพื้นที่ และประเมินการใช้พื้นที่เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน และให้ผู้ว่าฯ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ
โดยนายเสรี กล่าวว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงหลังจากนี้ ฝนจะตกมากขึ้น ส่งผลทำให้สถานการณ์น้ำท่วมนั้นจะหนักมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยในเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน ปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น ทำให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้จะเจอน้ำท่วมนานกว่าทุกที่ ส่วนวันที่ 17-22 ก.ย.ที่กรมอุตุคาดการณ์นั้น มองว่า ผอ.เขตก็จะต้องเตรียมความพร้อมด้วย
ทั้งนี้ ดร.เสรี ยังมองอีกว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์ฝนตกทั่วกทม. ผู้ว่า กทม. ไม่จำเป็นต้องตระเวนไปทุกพื้นที่ โดยให้เป็นศูนย์กลางในการสั่งการ และผู้อำนวยการเขตดำเนินการ แต่อาจจะไปในเขตที่มีข้อจำกัดในการจัดการได้ และดร.เสรี ยังชื่นชม ผู้ว่า กทม. ที่มีแผนที่ชัดเจน และเห็นถึงความตั้งใจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความสบายใจมากขึ้น แต่อนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่นาย ชัชชาติ ได้รับปากจะวางรากฐานไว้ให้
ขณะที่ นายชัชชาติ บอกด้วยว่า สภาพภูมิอากาศนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในครึ่งเดือนแรกของกันยายน กทม. ฝนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น ต้องไปปรับปรุงแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
ขณะเดียวกัน ไม่ได้กังวลกับน้ำเหนือ แต่ห่วงปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่กรุงเทพที่มีค่อนข้างมาก ดังนั้น การระบายน้ำเฉพาะจุดในระยะสั้นๆต้องเร่งทำ
ส่วนเรื่องข้อเสนอ ให้เอาประชาชนมาเป็นส่วนร่วมในการชี้ปัญหา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปแก้ไขถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น และกทม.ก็จะต้องสนับสนุนทรัพยากร เช่น กระสอบทรายต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลน้ำในพื้นที่ที่จะต้องไปพัฒนาและการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กทม.ผันน้ำแค่ภายในกทม. แต่ในอนาคตต้องผันน้ำให้ผ่านจังหวัดอื่นด้วย โดยให้กรมชลประทานเป็นตัวกลาง เพราะเห็นภาพรวมมากกว่า และเพื่อให้เกิดการสมดุลในการระบายน้ำ และผู้ว่าฯ จังหวัด ต้องแสดงความร่วมมือโดยหลังจากนี้ กทม.จะเป็นเจ้าภาพในการหารือร่วมกับพื้นที่ปริมณฑล
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลาดกระบัง เริ่มดีขึ้น ระดับน้ำลดลงเท่ากับระดับควบคุม เหลือเพียงพื้นที่ย่อยๆในชุนชนที่เป็นปัญหา จะต้องไปดูแล เพราะมีน้ำเข้าไปค้างและออกไม่ได้ โดยจะต้องเอาเครื่องสูบน้ำเข้าไปสูบน้ำออกจากพื้นที่
ทั้งนี้ นาย ชัชชาติ ยังได้ชี้แจงถึงกรณีที่ตนเองต้องลงพื้นที่ว่า ก่อนจะลงพื้นที่ทุกครั้งก็จะไปติดตามสถานการณ์ที่ศูนย์สั่งการก่อน และเมื่อสั่งการแล้ว จึงลงพื้นที่ ไปให้กำลังใจหน้างาน และไปให้เห็นปัญหาต่างๆโดยเฉพาะอุปกรณ์และทรัพยากรของกทม.
ด้านนายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิยา บอกเพิ่มเติมว่า 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ยังสามารถ รับน้ำได้อีก 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แตกต่างกับปี 54 ที่ในช่วงนี้เหลือเพียง 3000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ยังสามารถกักเก็บน้ำได้ส่วนปริมาณฝนในปีนี้ ถ้าเทียบกับปี54 ยัง แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ และปีนี้ ยังไม่มีพายุเข้ามาที่ประเทศไทย แต่ยังต้องเฝ้าระวังในอีก 1 เดือนหลังจากนี้ว่าจะมีพายุเพิ่มหรือไม่ รวมถึงดูน้ำเหนือที่จะมาเติมด้วย
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้ร่วมระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในหลายพื้นที่ เช่น ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำลงสู่คลองใหญ่และคลองย่อย ซึ่งหลังติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำแล้วก็ช่วยทำให้ระดับน้ำที่ลาดกระบังลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึง บริเวณสถานีสูบน้ำท่าถั่ว ทำให้น้ำในพื้นที่เขตประเวศและใกล้เคียงลดลง หากช่วง 3-4 วันนี้ฝนไม่ตกมาเติมจะสามารถพร่องน้ำได้
และกรมชลประทาน ยังต้องติดตามเฝ้าระวังพื้นที่ที่อยู่ท้ายเขื่อนอย่างใกล้ชิด โดยจะไปวิเคราะห์สถานการณ์ และการระบายน้ำไม่ให้ส่งผลกระทบประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ หากปริมาณฝนตกไม่เกินค่าเฉลี่ยสามารถรับมือได้ แต่หากตกเกินก็มีความจำเป็นที่จะต้องระบายออกพร้อมยืนยันว่า กรมชลประทานมีการประสานงานกับ กทม.และพื้นที่รอยต่อปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น ทั้งผู้ว่าฯ ชัชชาติ ดร.เสรี และกรมชลประทาน ได้ลงเรือเพื่อตรวจดูจุดฟันหลอบริเวณคลองมหาสวัสดิ์ ในการวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมด้วย