มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำของจีน กำลังจะห้ามจำหน่ายรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลภายในปี 2030 หรือในอีก 8 ปีข้างหน้า เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซที่ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง นั่นเอง
ประเด็นสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง นับเป็นเรื่้องที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ เพราะนี่คือประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกตระหนัก โดยล่าสุด มณฑลไห่หนาน หรือเกาะไหหลำของจีน กำลังจะห้ามจำหน่ายรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลภายในปี 2030 หรือในอีก 8 ปีข้างหน้า เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซที่ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง นั่นเอง
ประเด็น ห้ามจำหน่ายรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ในบริเวณ มณฑลไห่หนาน ภายในปี 2030 นั้น นับเป็นอีกก้าวของการขับเคลื่อนประเด็นสิ่งแวดล้อมของจีน โดยเป็นประกาศในแผนปฏิบัติตามการปล่อยคาร์บอนให้ถึงค่าสูงสุดแล้วค่อย ๆ ลดลง มีจุดประสงค์เพื่อให้ ปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change ฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยุโรปต้องเจอกับภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 500 ปี ผลพวง Climate Change
แคลิฟอร์เนีย ประกาศ ห้ามขาย รถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน ในปี 2035
นอกจากนี้ รถที่เป็นบริการสาธารณะ ใน มณฑลไห่หนาน หรือเกาะไหหลำของจีน จะใช้พลังงานสะอาด ภายในปี 2025 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วย
มณฑลไห่หนาน ถือเป็น มณฑลแรกของจีนที่ออกมาตรการ มุ่งหวังแก้ไขเรื่องสิ่งแวดล้อม และ สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงนี้ โดยต้องการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรการลดหย่อนภาษี และขยายจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดยตั้งเป้าจะมีรถไฟฟ้าให้ได้ 45% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 และจะกำหนดเขตปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ที่ห้ามรถยนต์ใช้น้ำมันแล่นผ่าน
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ จีนกำลังเผชิญกับฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดและแห้งแล้งที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และมีตัวเลขที่น่าตกใจคือ คลื่นความร้อนโหมกระหน่ำจีนอยู่ตอนนี้ มีผลต่อรถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีโอกาสติดไฟมากขึ้น ด้วย
ทั้งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ส่งเสริมให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะตามเมืองต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยหมอกควันพิษ หรือ P.M 2.5 และเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า โดยเมื่อปี 2021 จีนมียอดจำหน่ายรถไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดจำหน่ายทั่วโลก