"กรมทะเลชายฝั่ง" เดินหน้าพบปะเครือข่ายทางทะเล ครั้งที่ 6 เสริมสร้างความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์มุ่งสู่การเป็นชุมชนชายฝั่งเข้มแข็ง เพื่อปกป้องทะเลอ่าวไทยรูป "ตัว ก"
นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) เปิดเผยว่า "ชุมชนชายฝั่งในอดีตเป็นชุมชนที่พึ่งพาตนเอง มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างพอเพียงในระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพ โดยส่วนใหญ่ชุมชนชายฝั่งหาเลี้ยงชีพด้วยการทำประมงชายฝั่งและหาของในป่าชายเลนเพื่อนำไปแปรรูปจำหน่ายและประกอบอาหารในครัวเรือน"
"ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ของชุมชนชายฝั่งจะเป็นแบบพึ่งพาอาศัยกัน สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล การพัฒนาที่ทำให้ชุมชนชายฝั่งมีความเข้มแข็งได้นั้นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการให้คำปรึกษาและสนับสนุนทั้งด้านองค์ความรู้ บุคลากร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ งบประมาณ และอุปกรณ์ต่างๆ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประกาศ! ปิดอ่าวไทยรูปตัว ก งดทำประมง 3 เดือน ฝ่าฝืนปรับ 5 พัน – 30 ล้าน
กรมชลฯ สั่งเฝ้าระวัง ความเค็มจากอ่าวไทยไหลสู่บางปะกง หวั่งกระทบการเกษตร
ใกล้จบแล้ว ! ระบายน้ำเหนือ ลุ่มเจ้าพระยา สู่อ่าวไทย กทม.จะรอดวิกฤตหรือไม่ ?
ทั้งเพื่อเป็นการเพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานของเครือข่ายชุมชนชายฝั่งในการปกป้องดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้สำนึกรักและห่วงใยในธรรมชาติ เพื่อค้นหาทรัพยากรที่เป็นประโยชน์สามารถพัฒนาต่อยอดสร้างอาชีพให้เกิดรายได้ในชุมชนชายฝั่ง
นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องขยายโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผ่านการเป็น อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เปิดรับสมัครอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแบบไม่จำกัดจำนวนผ่านเว็บไซต์ของกรมฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีประชาชนทั่วไปสมัครเข้ามาเป็นอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลเป็นจำนวนมาก
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะต้องเป็นผู้ที่มีใจรักในธรรมชาติ สามารถปกป้อง คุ้มครอง ทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก ตลอดจนแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าอื่นๆ ตามบริเวณแนวชายฝั่งทะเลของประเทศไทย ซึ่งลำพังเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่นั้นมีไม่เพียงพอต่อการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งประเทศ
ฉะนั้นเราจึงต้องการที่จะพัฒนาประสิทธิภาพและเพิ่มองค์ความรู้ในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อในอนาคตบุคคลเหล่านี้จะสามารถนำความรู้ในด้านต่างๆ มาใช้ในการปกป้องครอบคลุมทุกพื้นที่ที่สิ่งแวดล้อมทางทะเลได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมของมนุษย์
ทั้งการทำลายทรัพยากรทางทะเลอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์และแบบตั้งใจ ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัด ซึ่งกรมฯ ได้เปิดเวทีให้เครือข่ายภาคีเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนาความรู้ในทางนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย ข้อมูลระดับพื้นที่ สภาพระบบนิเวศ แหล่งทรัพยากร การจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของชุมชน รวมทั้งเป็นฐานข้อมูลสำหรับพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน
โดยการลงพื้นที่มาพบปะพี่น้องเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ในเวทีการประชุมภาคีชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 6 พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของกรมฯ โดยมีนายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 พร้อมด้วยดร.แสงจันทร์ วายทุกข์ ผู้อำนวยการกองจัดการชุมชนชายฝั่งและเครือข่าย
ตลอดจนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมฯ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ คณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้แทนกรมเจ้าท่า เครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เข้าร่วมประชุม จำนวน 120 คน ณ ห้องประชุมรัตนแกรนด์บอลรูม โรงแรมรัตนชล ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ภายในงานได้มีการนำเสนอผลงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูและป้องกันปราบปรามทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยกลุ่มประมงต้นแบบบ้านอ่าวอุดม จ.ชลบุรี กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนชุมชนบ้านแหลมฉบัง จ.ชลบุรี กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่งตำบลแหลมฟ้าผ่า จ.สมุทรปราการ กลุ่มโรงเรียนนอกกะลา (บ้านลุงสอนหลาน) จ.สมุทรปราการ กลุ่มชุมชนบ้านบน จ.ฉะเชิงเทรา และกลุ่มรักษ์ปากอ่าวบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา อีกทั้งรับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องเครือข่ายฯ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการดำเนินกิจกรรมร่วมกับกรม ทช. ด้านสถานการณ์ ปัญหา ภัยคุกคาม สาเหตุ และแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกคนหันมาใส่ใจในทรัพยากรหน้าบ้านของตน สานต่ออาชีพที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้แข็งแกร่ง โดยการรวมกลุ่มกันนำวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาแปรรูปให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ผนวกกับการใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ในการเผยแพร่ข้อมูลเชิงสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จัก ตนเชื่อว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปเหล่านี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินให้กับชุมชนชายฝั่ง ในส่วนของกรมฯ จะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในด้านต่างๆ เพื่อลูกหลานของเราก็จะไม่ต้องผลัดถิ่นฐานไปทำงานนอกบ้าน และทุกคนในครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน คอยดูแลซึ่งกันและกัน รวมถึงปกป้องทรัพยากรในทะเลอ่าวไทยรูปตัว ก ควบคู่กับทรัพยากรป่าชายเลนในพื้นที่ให้คงความสมบูรณ์และยั่งยืนสืบไป
ด้านนายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 (ชลบุรี) กล่าวว่า ปัจจุบันทะเลอ่าวไทยถือเป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยระบบนิเวศใต้ท้องทะเลที่สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันดับต้นๆ ของประเทศ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก สามารถสร้างรายได้และอาชีพให้ชุมชนชายฝั่ง ทั้งด้านการประมงชายฝั่ง ธุรกิจโฮมสเตย์ การจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากป่าชายเลน ผู้ประกอบการเดินเรือ และการจัดทริปทัวร์ดำน้ำดูปะการัง เป็นต้น
โดยสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 (สทช.2) ในฐานะหน่วยงานส่วนกลางที่ดูแลในพื้นจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ได้ตระหนักถึงการปกป้องและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงมอบหมายให้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญลงพื้นให้ความรู้ในด้านกฎ ระเบียบ ของกรมฯ รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เพื่อร่วมกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ หากพบเจอสถานการณ์ผิดปกติให้รีบแจ้งมายังหน่วยงานในพื้นที่ โดยสทช.2 จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผสานความร่วมมือกับเครือข่ายฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้จังหวัดชลบุรีได้มีชุมชนชายฝั่ง 27 กลุ่ม/566 คน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล 2,590 คน จังหวัดฉะเชิงเทราชุมชนชายฝั่ง 3 กลุ่ม/88 คนอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล 120 คน และจังหวัดสมุทรปราการ ชุมชนชายฝั่ง 3 กลุ่ม/259 คน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล 406 คน ซึ่งเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่คือบุคลากรสำคัญของกรม ทช. โดยมีหน้าที่คอยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ เครือข่ายฯ ยังมีโครงการต่างๆ ที่คนในชุมชนต่างร่วมมือร่วมใจกันจัดทำขึ้น เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไม่ให้สูญหาย อีกทั้งสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน ตลอดจนเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น ช่วยกันรักษา ต่อยอดในสิ่งที่ทำ เพื่อส่งต่อความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าชายเลนและทะเลไทยให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ดูแลต่อไป