งานวิจัยชี้ มลพิษทางอากาศ PM2.5 ควันพิษ ไอเสีย ทำคนออสเตรเลียตายถึง 603 คน

งานวิจัยใหม่ พบว่ามลพิษทางอากาศในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ทำให้คนที่อยู่อาศัยในรัฐนั้นตายก่อนวัยอันควรถึง 603 คน  นั่นหมายความว่า อากาศแย่ๆ มลพิษทางอากาศ ทำให้คนตายได้จริงๆ  โดย The Guardian เปิดเผยผลการ ศึกษาประเด็นเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศในออสเตรเลีย โดยรายงานนี้เป็นงานวิจัยจากทางรัฐบาลท้องถิ่นระยะยาวตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา

จากข้อมูลระบุว่า คุณภาพอากาศในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ไม่ได้มาตราฐานตามระดับความปลอดภัยขององค์การอนามัยโลก (WHO)   โดยแหล่งมลพิษสัดส่วนใหญ่สุดนั้นมาจาก เครื่องทำความร้อนในบ้านแบบใช้ไม้ (Wood Heater) ที่ทำให้คนตาย 269 คน 

รองลงมาเป็นการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติทำให้คนตาย 179 ราย 
และไอเสียจากรถยนต์ รถบรรทุก ทำให้คนตาย 110 คน 
ส่วนผู้เสียชีวิตที่เหลือ มาจากผลกระทบของ PM2.5 ที่ก่อโรคร้ายแรง จนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• PM 2.5 วันนี้ 18 มี.ค. กทม. ไม่มีพื้นใด ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน แนวโน้มดีขึ้น
• เปลี่ยนขยะในบ้าน ให้เป็นเงิน : ส่องราคาขยะ รับซื้อของเก่า เพิ่มรายได้
• เพื่อไทยชี้ปัญหา PM2.5 กระทบ สุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม ต้องดันกฎหมายอากาศสะอาด

จากประเด็นของการที่ มลพิษทางอากาศทำให้ผู้คนเสียชีวิต ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียต้องจ่ายค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น จากมลพิษที่เพิ่มขึ้น ประเมินว่าอยู่ที่  4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 1.6 แสน ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นงบประมาณจำนวนมหาศาล แทนที่จะนำงบประมาณไปใช้ในด้านอื่น 

แบรด สมิธ Brad Smith ผู้อำนวยการนโยบายของสภาอนุรักษ์ธรรมชาติออสเตรเลีย  กล่าวว่า มลพิษทางอากาศเป็น “โรคระบาดเงียบ” โดยเขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้อง “ทิ้งถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมันไว้ในดินและทิ้งไม้ไว้ในป่า” และ “เป็นที่ชัดเจนว่าการเผาไม้ น้ำมัน และถ่านหินกำลังฆ่าเรา และทำให้ชาวซิดนีย์ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจำนวนมาก” 

 

"เราคงไม่ต้องบรรยายความอันตรายของ PM 2.5 อีกแล้ว เนื่องจากทุกคนคงรู้ถึงผลกระทบของมันอย่างดี และมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย มันคืออากาศที่ทุกคนกำลังหายใจ เราทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ รวมไปถึงการจับตาดูนโบายแก้ไขปัญหานี้จากรัฐบาลด้วย หากรัฐบาลและผู้คนในชุมชนของฉันจริงจังกับสุขภาพทางอากาศมากขึ้น ชีวิตของฉันและชีวิตของคนอื่นๆ อาจแตกต่างออกไป และเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้" 

 

โดยในช่วงปี 2022 องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าประชากรโลกเกือบทั้งหมด หรือร้อยละ 99 สูดอากาศที่มีมลพิษเกินระดับที่องค์การฯ กำหนด

แม้ปัจจุบันเมืองมากกว่า 6,000 แห่งใน 117 ประเทศจะเฝ้าติดตามคุณภาพอากาศ แต่ประชาชนในเมืองเหล่านั้นยังคงสูดดมอนุภาคขนาดเล็กและก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ในระดับอันตราย โดยประชาชนในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำและปานกลางเผชิญผลกระทบจากมลพิษทางอากาศสูงสุดอย่างเช่น ที่ออสเตรเลีย เป็นตัวอย่าง ที่มีคนตาย จำนวนมาก