ช่วงนี้ค่าฝุ่น PM2.5 กลับมาวิกฤตอีกครั้ง ซึ่งค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานนี้จะส่งผลกับสุขภาพของเรา แต่รู้ไหมว่าฝุ่นยังส่งผลกับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราด้วยเช่นกัน มาดูวิธีดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงกันดีกว่าว่าควรทำอย่างไร?
ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้ส่งผลกับแค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีผลกับสุขภาพสัตว์เลี้ยง น้องหมา น้องแมว และสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย ซึ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงหายใจฝุ่นละออง PM2.5 เข้าไป จะส่งผลโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจ เนื้อเยื่อปอด อาจเข้าสู่กระแสเลือด และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้
How to ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงท่ามกลางฝุ่น PM2.5
ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานส่งผลกับสุขภาพสัตว์เลี้ยง ควรดูแลสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย อีกทั้งควรสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงหากสัตว์เลี้ยงไม่สบาย สิ่งที่ควรทำคือ
1. ปรับสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน เพิ่มพื้นที่สีเขียวฟอกอากาศ
การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ โดยเฉพาะบริเวณที่สัตว์เลี้ยงอยู่ เสมือนเป็นการติดเครื่องฟอกอากาศ และควรปลูกต้นไม้ที่ช่วยลดอุณหภูมิ อย่างเช่น พลูด่าง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการฟอกอากาศ
2. หากค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ควรเลี้ยงสัตว์อยู่ในบ้าน
ช่วงที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน หรือสถานการณ์รุนแรง ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณบ้าน เพราะสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ดีกว่า งดออกกำลังกายนอกบ้านจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น
3. ใช้เครื่องฟอกอากาศปรับอากาศในบ้าน
ในช่วงที่ฝุ่นอยู่ในภาวะวิกฤต ควรใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยในการปรับคุณภาพภายในบ้านให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาพของเราและสัตว์เลี้ยง
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
แอบดูมาตรการจัดการฝุ่น PM 2.5 ของต่างประเทศ แต่ละประเทศจัดการอย่างไร?
แนะนำ 5 วิธี ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 และหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองขนาดเล็ก ด้วยตัวเอง
4. ไม่ควรพาสัตว์เลี้ยงไปในพื้นที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
ควรหลีกเลี่ยงการพาน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์เลี้ยง ไปออกกำลังกายในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน หรือในช่วงที่สภาพอากาศมีมลพิษมาก
5. หมั่นสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง
เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรหมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงว่ามีความผิดปกติหรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่าง อาการเบื่ออาหาร เซื่องซึม ไม่แอคทีฟเหมือนเคย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ ควรรีบปรึกษาแพทย์
6. ควรปรึกษาแพทย์ หากต้องการให้วิตามินเสริมบำรุงร่างกายสัตว์เลี้ยง
หากตรวจร่างกายสัตว์เลี้ยงแล้วพบอาการอักเสบ สามารถเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสัตว์เลี้ยงอย่าง สารต้านอนุมูลอิสระ พวกวิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ สำหรับสัตว์เลี้ยงที่กินพืช อย่าง นก สามารถให้ผักผลไม้ซึ่งจะได้รับวิตามินซีและวิตามินเอ ส่วนสัตว์เลี้ยงที่กินเนื้อ สามารถเพิ่มวิตามินเหล่านี้ผ่านผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่นๆ ที่มีโอเมก้า 3 หรือโอเมก้า 6 ได้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ