นิวซีแลนด์ ทดสอบการใช้ “ไฟฟ้าไร้สาย” เป็นประเทศแรกของโลก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ “นิโคลา เทสลา” พยายามพัฒนาเมื่อเกือบ 140 ปีที่แล้ว แต่ก็ต้องล้มเหลว เนื่องจากข้อจำกัดของยุคสมัย
“ไฟฟ้าไร้สาย” การปฏิวัติครั้งสำคัญในวงการเทคโนโลยี ที่อาจเป็นจริงในเร็วๆ นี้ โดยเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลนิวซีแลนด์ ร่วมกับ Powerco ผู้จัดจำหน่ายไฟฟ้ารายใหญ่อันดับสองของนิวซีแลนด์ และบริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Emrod ได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีไฟฟ้าไร้สาย และหากสำเร็จ นิวซีแลนด์ก็จะกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้บริการไฟฟ้าไร้สาย
ซึ่งอันที่จริงแล้ว “ไฟฟ้าไร้สาย” เป็นสิ่งที่ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ผู้คิดค้นไฟฟ้ากระแสสลับ (ที่โลกใช้อยู่ในวันนี้) พยายามพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 140 ปีที่แล้ว แต่ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยข้อจำกัดของยุคสมัยและเทคโนโลยี
บทความที่น่าสนใจ
โดย Greg Kushnir ผู้ก่อตั้ง Emrod กล่าวว่า “เราได้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการส่งพลังงานแบบไร้สายระยะไกลมาระยะหนึ่งแล้ว ฟังดูล้ำสมัยและน่าอัศจรรย์ แต่ก็เป็นกระบวนการที่ทำซ้ำๆ ตั้งแต่นิโคลา เทสลา”
โดยหลักการไฟฟ้าไร้สาย ของ Emrod ก็คือ “การแปลงกระแสไฟฟ้า เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” โดยใช้ Rectifying Antenna (Rectenna) เป็นเสาอากาศที่จะรับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ก่อนส่งไปในระยะทางไกลผ่านสิ่งกีดขวาง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับคลื่นวิทยุ ที่ต่อมาได้พัฒนาเป็นสัญญาณ WiFi และสัญญาณ 5G ในปัจจุบัน
แต่หลักการของไฟฟ้าไร้สาย จะแตกต่างจากอินเทอร์เน็ต (Internet) ตรงที่อินเทอร์เน็ตจะส่งสัญญาณกระจายไปทุกทิศทุกทาง แต่ Emrod สามารถคุมให้สัญญาณวิ่งไปทิศทางเดียวได้ ส่งผลให้สัญญาณมีความเข้มข้น โดยมีตัวย้ำสัญญาณ (Relay) ทำให้สามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้ในระยะที่ไกลมากๆ
ในอนาคต หากมีการใช้เทคโนโลยี ไฟฟ้าไร้สาย ก็จะสามารถลดการใช้ทองแดงลงได้จำนวนมหาศาล ทำให้มีแนวโน้มว่าค่าไฟจะถูกลงเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ไฟฟ้าไร้สาย ความใฝ่ฝันของ นิโคลา เทสลา และมนุษยชาติ มากว่าร้อยปี จะเกิดขึ้นจริง กลายเป็นเทคโนโลยีกระแสหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ในวันใด
reference
The Dawn of Wireless Electricity Is Finally Upon Us. Here's How New Zealand Will Do It.