หนังแอนิเมชั่น Save Ralph จุดกระแสจนกลายเป็นไวรัลทั่วโลก เพราะหนังพูดถึงประเด็นให้ตะหนักถึงชีวิตสัตว์ที่ถูกนำมาทดลองในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และอาจได้รับอันตรายก่อนมนุษย์ โครงการนี้ได้รับแรงสนับสนุนต่างๆมากมาย จากคนวงการฮอลิวู้ด รวมถึงแบรนด์ดังๆมากมาย...
Save Ralph คือแคมเปญระดับโลกจาก Humane Society International โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการใช้เครื่องสำอางที่นำสัตว์มาเป็นตัวทดลอง โดยเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ช่อง Youtube อย่าง The Humane Society of the United States ได้ปล่อยวิดิโอหนังสั้นความยาว 3:53 นาที ที่มีชื่อว่า Save Ralph ออกมา.
ภายในคลิปวิดิโอจะสื่อให้เห็น กระต่ายตัวหนึ่งที่ใช้ชื่อตัวละครว่า Ralph ที่กำลังเล่าถึงความโหดร้าย ทารุณของเหล่าสัตว์ทดลองที่ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสารต่าง ๆ เข้าทางดวงตา จนเกือบตาบอด การถูกจับโกนขน เพื่อทดลองเครื่องสำอาง เป็นต้น
หนังแอนิเมชั่นสั้นเรื่องนี้ ได้รับการพูดถึงไปทั่วโลกออนไลน์ในวงกว้าง อีกทั้งยังมีการนำไปแปลไปในภาษาต่างๆ รวมถึงภาษาไทยด้วย จนเกิดเป็นกระแสฮิตในโลก TikTok และได้มาถึงโลกทวิตเตอร์ อย่างรวดเร็ว ทำให้แฮชแท็ก #SaveRalph ติดเทรนทวิตเตอร์ และมีคนร่วมทวิตไปกว่า 3 แสนครั้ง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ไทยต่าง ๆ ก็ออกมารณรงค์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน อาทิ THE BODY SHOP,Oriental Princess เป็นต้น
ทั้งนี้ แคมเปญ #SaveRalph เป็นโครงการจาก Humane Society International ได้รับการตอบรับเข้าร่วมจากบุคคลดังระดับโลก อาทิ ไทก้า ไวติติ ผู้กำกับภาพยนตร์ Jojo Rabbit , Thor: Ragnarok และ Thor: Love and Thunder ที่กำลังจะเข้าฉายในปีหน้า , ริคกี้ เกอร์เวส์, แซ็ค เอฟฟรอน นักแสดงนำจากเรื่อง 17 Again , และ โอลิเวีย มันน์ หนึ่งในนักแสดงนำ Ocean's 8 โดยมาร่วมงานในโปรเจ็คนี้ อาทิ เป็นโปรดิวเซอร์และร่วมพากย์เสียง
การทำแอนิเมชั่นนี้เกิดขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องอันโหดร้ายนี้ โดยตั้งใจเป็นกระบอกเสียงแทนเหล่าสัตว์ที่ต้องทนทุกข์กับการทดลอง และเชิญชวนผู้บริโภครวมถึงผู้กำหนดนโยบายมาร่วมมือกับ HSI ในการห้ามผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์ โดย สเปนเซอร์ ซัสเซอร์ ผู้เขียนบทและผู้กำกับจาก The Greatest Showman มามอบชีวิตให้กับเจ้ากระต่ายราล์ฟ และทำให้ทุกคนที่ดูวีดิโอตระหนักถึงชีวิตสัตว์ที่ต้องถูกนำมาทดลอง
หนังเรื่องนี้ มุ่งประเด็นถึงการตระหนักของการมีชีวิตของสัตว์ และจบด้วยประโยค ที่ทรงพลังว่า "No animal should suffer and die in the name of beauty" (ไม่ควรมีสัตว์ตัวใดต้องทรมานและตายในนามของความงาม) พร้อมกับขอให้ทุกคนช่วยกันแบนเครื่องสำอางที่ทดลองในสัตว์
ปัจจุบันมีการพัฒนาวิธีอื่น ๆ ในการทดสอบเครื่องสำอางโดยไม่ต้องใช้สัตว์ นั่นคือการทดสอบกับเซลล์เพาะเลี้ยง ทำให้หลายแบรนด์หันมาใช้การทดสอบวิธีนี้มากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายแบรนด์ใช้สัตว์อยู่
โดยตอนนี้ 40 ประเทศทั่วโลก ได้ยกเลิกการทดลองกับสัตว์ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางแล้ว โดย Hu mane Society International และพันธมิตรเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการผลักดันการรณรงค์ต่อต้านในประเทศอินเดีย ไต้หวัน นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ กัวเตมาลา ออสเตรเลีย และ 10 รัฐในบราซิล รวมถึงประเทศตุรกี อิสราเอล นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์และในอเมริกาอย่างรัฐแคลิฟอเนีย อิลลินอยส์ เนวาดา และเวอร์จิเนีย ก็ไม่มีการทดลองกับสัตว์แล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ มีแบรนด์เครื่องสำอางกว่า 2,000 แบรนด์ทั่วโลกที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์ และได้ชื่อเป็นเครื่องสำอางที่ปราศจากความโหดร้าย ซึ่งรวมถึง Lush, Garnier, Dove, Herbal Essences และ H&M บริษัทเหล่านี้ ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย โดยใช้ส่วนผสมที่ผ่านการใช้งานอย่างปลอดภัยมาแล้วร่วมกับเครื่องมือประเมินความปลอดภัยในการใช้งานที่ทันสมัยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทดลองกับสัตว์
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันก็มีคนที่ทำงานกับสัตว์ทดลองออกมา แสดงความคิดเห็นอีกมุมหนึ่ง โดยมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การใช้สัตว์ทดลองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยารักษาโรค วัคซีน เครื่องสำอาง หรือเวชภัณฑ์ ล้วนต้องผ่านกระบวนการทดสอบกับสัตว์ก่อน จึงจะนำมาใช้กับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย
เรื่องอุตสาหกรรมเครื่องสำอางนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง...ชีวิตสัตว์ทดลองและความปลอดภัยนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง...แต่ความจริงของโลกที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย นั่นคือ ทุกชีวิตมีคุณค่าในตัวของมันเอง...ยังจำเป็นแค่ไหนกับการใช้ชีวิตสัตว์เป็นตัวทดลอง ? คำตอบของแต่ละคน คงไม่เหมือนกัน...