นับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด 19 ตลอดปี 2020 ตอนนี้เชื้อร้ายได้กลายพันธุ์ไปแล้วมากมาย โดยหากจะแบ่งตามสายพันธุ์หลักๆ สามารถแบ่งเป็น 7 สายพันธุ์ และสถานการณ์ทั่วโลกตอนนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด19ทั่วโลก ตอนนี้ทะลุ 3 ล้านคนไปแล้ว
ฐานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่าแบ่งเชื้อไวรัสโควิด19 ได้เป็น 7 กลุ่มสายพันธุ์หลัก ประกอบด้วย S ,V ,L, G ,GH ,GR และ กลุ่มสายพันธุ์ที่เหลืออื่นๆ ซึ่งเริ่มต้นที่พบในประเทศจีน มีแค่ 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์เอส S (Serine) และสายพันธุ์ L (Leucine) แต่ได้ออกลูกหลานกลายเป็นอีกหลายสายพันธุ์ ดังนี้
1.สายพันธุ์ S : ค้นพบช่วงต้นปี 2563 พัฒนามาจากสายพันธุ์ L ระบาดระลอกแรกในประเทศไทย เมื่อเดือน มี.ค.2563 เคสสนามมวย และสถานบันเทิงทองหล่อ
2.สายพันธุ์ V (Valine) : เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหลักในทวีปยุโรป
3. สายพันธุ์ L (Leucine) เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในอเมริกา และยุโรป
4.สายพันธุ์ G (Glycine) เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหลัก ในวงกว้าง มีความทนทานมากกว่าสายพันธุ์อื่น ระบาดหนักในหลายประเทศที่อยู่อันดับต้นๆ ของการระบาด ไม่ว่า สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ที่ระบาดซ้ำหลายรอบ ในรูปแบบซูเปอร์สเปรดเดอร์ พบว่า สายพันธุ์ G : D614G มีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนจากเดิมคือ Aspartate (D) ในตำแหน่งที่ 614 ของ spike โปรตีน หรือเรียกว่า D614 ไปเป็น Glycine เรียกว่า G614 คือกรดอะมิโนของ spike หรือหนามแหลมที่ยื่นออกมาในตำแหน่งที่ 614 จากสายพันธุ์เดิม จะพบมากที่สุด และเป็นสายพันธุ์ที่ครองโลก
5.สายพันธุ์ GR (Arginine) เป็นไวรัสสายพันธุ์ลูกหลานจากสายพันธ์ G
6.สายพันธุ์ GH (Histidine) เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดรุนแรงที่สุด โดยแตกสายพันธุ์ลูกหลานจากสายพันธุ์ G เช่นกัน เชื้อตัวนี้เคยระบาดในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ล่าสุด มีการยืนยันว่าการระบาดโควิดระลอกใหม่ในตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร เกิดจากเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์จีเอช (GH) ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา , อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งต้นกำเนิดมาจากอินเดีย ระบาดมารัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา และมีบางส่วนลักลอบเข้าไทยทำให้มีการระบาดในประเทศไทย
7. กลุ่มสายพันธุ์อื่นๆ อาทิ สายพันธุ์ GV , สายพันธุ์ O พวกที่กลายพันธุ์ไม่บ่อยรวมกัน และ สายพันธุ์ B
ทั้งนี้ หากจะลองแยกสายพันธุ์ที่เด่นๆ ตามแต่ละ ภูมิภาคที่มีการกลายพันธุ์ สามารถแบ่งได้ ดังนี้
สายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ : เกิดการกลายพันธุ์อย่างมีนัยสำคัญของไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 ตัวนี้น่าจะเกิดจากคนไข้ที่มีระบบภูมิต้านทานอ่อนแอซึ่งไม่สามารถต่อสู้กับไวรัสได้ จึงทำให้ร่างกายของคนไข้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ โดยมีชื่อว่า “สายพันธุ์อังกฤษที่กลายพันธุ์ B.1.1.7”
สายพันธุ์ใหม่ในทวีปแอฟริกา : นอกจากสหราชอาณาจักร ยังพบการอุบัติของเชื้อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์อีกชนิดในประเทศแอฟริกาใต้ที่ชื่อ 501.V2 ซึ่งดูเหมือนจะมีการกลายพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นจากชนิดที่พบในอังกฤษและทำให้เชื้อติดต่อได้ง่ายขึ้น นับแต่ทีมนักวิทยาศาสตร์ตรวจพบเชื้อกลายพันธุ์ชนิดนี้ในแอฟริกาใต้เมื่อช่วงกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามันได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่พบในผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศ
สายพันธุ์ใหม่ในอิสราเอล : กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ได้รายงานการค้นพบเชื้อโควิด19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก โดยเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ดังกล่าว ถูกตรวจพบระหว่างการศึกษาของห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยากลางของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์การแพทย์ชีบา ทางตอนกลางของอิสราเอล การศึกษาดังกล่าวตรวจสอบและสรุปรวมเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ที่ปรากฏในอิสราเอลนับตั้งแต่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ถึงเดือนมกราคม 2021
สายพันธุ์ใหม่ในอินเดีย : ในปลายเดือนมีนาคม แพทย์หญิงกวิตา พาเทล นักวิจัยจากสถาบันบรุคกิงส์ เผยว่า โควิด-19 สองสายพันธุ์ที่พบในอินเดียน่ากังวลมาก และอาจแพร่ไปประเทศอื่นทั่วโลกได้ จำเป็นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด โดย กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย เผยว่า พบโควิดกลายพันธุ์ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ E484Q และ L452R ซึ่งการกลายพันธุ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อินเดียแตกต่างจากที่อื่นเพราะพบการกลายพันธุ์คู่ ที่อาจทำให้ไวรัสติดต่อได้ง่ายขึ้น หรือหลบระบบป้องกันในร่างกายมนุษย์ได้ดีขึ้น โดยการกลายพันธุ์นี้ มีข้อมูลพบว่า การกลายพันธุ์ที่มีนัยสำคัญ 2 ตำแหน่งในเชื้อไวรัสชนิดเดียว อาจจะส่งผลต่อการระบาด ติดเชื้อได้ง่าย
ล่าสุด จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 ล้านคนแล้ว หากนับสถิติเมื่อ 6 เมษายน 2021 โดยนับตั้งแต่การระบาดของโควิด19 เมื่อปลายปี 2019 ไวรัสตัวนี้ ใช้เวลากว่า 1 ปี ที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตแตะที่ 2 ล้านคน จากนั้นอีก 3 เดือนต่อมา ยอดผู้เสียชีวิตก็แตะเลขหลัก 3 ล้านคนหมาดๆ
โดยประเทศที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุด คือ บราซิล เพราะล่าสุดเพิ่งทำสถิติเสียชีวิตภายในวันเดียวถึง 4,000 คน เป็นครั้งแรก โดยยอดรวมผู้เสียชีวิตของบราซิล มีสูง 337,000 คน เป็นรองแค่สหรัฐ ประเทศเดียว
ขณะที่ อินเดีย เป็นหนึ่งประเทศที่อยู่ในขั้นวิกฤตเรื่องการรับมือสถานการณ์โควิด19 เพราะอินเดียกลายเป็นชาติที่สอง รองจากสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดโควิด-19 รายวัน เกิน 100,000 คน โดยรัฐมหาราษฏระ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด เริ่มปิดห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ บาร์ ร้านอาหาร และศาสนสถาน แต่ผู้ป่วยโควิด-19 ยังล้นโรงพยาบาลอยู่
โดย อินเดีย ได้ดัดแปลงโกดังเก็บสินค้า โบกี้รถไฟที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว และสถานที่สาธารณะขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง นำมาดัดแปลง มาใช้เป็นศูนย์รักษาผู้ติดเชื้อโควิดชั่วคราว
ส่วนที่สหรัฐฯ จำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก กว่า 569,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 19 % ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก โดยโครงการฉีดวัคซีน อาจช่วยสกัดการเสียชีวิตไม่ให้พุ่งสูงได้ เนื่องจากประชากร 1 ใน 3 ของสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งโดสแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• จับตา! ประกันโควิด 19 คนแห่ซื้อ ระลอกใหม่ที่สุด ทำธุรกิจรุ่ง
• เจ้ากรมดุริยางค์ทหารบก มีคำสั่งกักตัวกำลังพล 32 นาย