"ฟิวส์ กิติกร โพธิ์ปี" นักแสดงชายที่มีชื่อเสียงจากการแสดง และ เป็นอีกหนึ่งตำนานพระเอกในละครจักรๆ วงศ์ๆ ทางช่อง 7 สี ชีวิตของฟิวส์ช่วงที่เป็นพระเอกละครพื้นบ้านทำให้เขาหลงใหลและยึดติดชื่อเสียง
และเหล่านี้ได้ย้อนกลับมากัดกินจิตใจ ภาพลักษณ์ และ ชื่อเสียงกลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจครั้งใหญ่ในชีวิตที่ "ฟิวส์ กิติกร" กล้าพูดได้เต็มปากในวันนี้… ผมพลาดเพราะยึดติดคำว่า "พระเอก"
"ฟิวส์ กิติกร" ตำนานพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ
"ต้องบอกว่ามันเกินฝันมากครับ เพราะว่าเราเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่บ้านเราไม่มีทีวี ตื่นมาเสาร์อาทิตย์เราจะไปนั่งดูทีวีบ้านคนอื่นที่เขา ตื่นมาเราต้องดูละครจักรๆ วงศ์ๆ ทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ตอนนั้นยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องได้เข้าไปอยู่ในจอไปเล่น ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นนักแสดง จนมาถึงวันที่ตัวเองมาได้เล่นแล้วรู้สึกว่าเห้ย...เราหรอ"
"ส่วนตัวคือภูมิใจมาก ๆ และก็ดีใจมาก ๆ ที่ตัวเองได้มาอยู่จุดนี้แล้วก็ทุก ๆ คนแบบว่าจำภาพเราในเรื่องการเป็นพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ จริงๆ ก็เสิร์ชชื่อตัวเองเหมือนกัน ฟิวส์ กิติกร ก็ยังขึ้นอยู่ แต่ก่อนเป็น ฟิวส์ กิติวงศ์ เปลี่ยนเป็น ฟิวส์ กิติกร หลังจากที่เราไม่ได้เล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ มันก็ยังมีภาพขึ้นมาอยู่ เหมือนเป็นยุคๆ นึงที่เราเคยเป็นพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ มาก่อน"
"จนถึงทุกวันนี้เรายังใช้ชื่อเสียงตรงนี้ ยังใช้หน้าตาตรงนี้ในเรื่องของการทำงานและก็ในการที่หาอาชีพเหมือนการร้องเพลงสานต่อจนมาถึงวันนี้เรามีงานร้องเพลงเราก็ยังเอากำกับว่าพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ เอามาใช้งานได้อยู่ครับ ต้องขอบคุณ คุณไพรัช สังวริบุตร ที่ให้โอกาสเรียกว่าให้โอกาสเราได้เป็นพระเอกแล้วก็ให้เราได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงจริงๆ แล้วก็ให้เรามีภาพติดจำมาตรงนี้"
พระเอกละครพื้นบ้าน" ตัวละครที่ถูกมองข้าม
"ในความรู้สึกของผมเอง ผมมีความรู้สึกเหมือนมันคนละโลกกัน มันในสายตาของบางคนที่เขามองเราบางทีเราไปตามงานการปฏิบัติมันจะไม่เหมือนกัน มันแตกต่าง ๆ เพราะว่าเราอยู่ในละครจักรๆ วงศ์ๆ ไม่รู้สังคมของเรามันยังแคบไปหรือเปล่า สำหรับการที่เราจะออกไปอยู่ข้างนอก คนจะมองว่าลักษณะเรามันดูเป็นลิเกหรือเปล่า เป็นความรู้สึกเราตลกไหมที่เราเข้าไปอยู่ตรงนั้น"
"บางทีเชิญเราไปก็จริงแต่รู้สึกว่าการปฏิบัติเรามันเหมือนว่าเขาจำเราไม่ได้ เหมือนว่าละครจักรๆ วงศ์ๆ มันมีชื่อแค่บางที่ บางคน บางกลุ่มที่รู้จักเท่านั้น อย่างบางทีเรามีโอกาสได้ไปเล่นละครหลังข่าวการถูกมองข้ามบทบาทที่ได้รับเราเคยรับบทเป็นพระเอกมาก่อนในละครจักรๆ วงศ์ๆ แต่พอเราได้รับบทบาทแบบว่ารองก็ไม่ใช่ ตัวอะไรก็ไม่ใช่กลายเป็นเหมือนแบบตัวตาม แรกๆ เราก็จะรับตัวเองไม่ได้เหมือนมันตกลงไปเกินไป"
"ยึดติด" ต้นเหตุยาพิษทางจิตใจ
"ผมคิดว่าบางคนเคยเป็นพระเอกเคยเป็นดารา นักร้องดังๆ มาก่อน พอวันนึงมันไม่ได้รับการตอบรับตัวเองตกลง แต่ว่ายังไม่ยอมรับตัวเองยังมีภาพเก่าๆ ยังจำอยู่มันก็จะเก็บมาคิด ผมเคยเครียดขนาดนอนอยู่ในห้องคนเดียว คิดอยู่ประมาณสองวัน ไม่ให้ใครมายุ่ง แบบว่าเราจะทำยังไงกับความคิดตรงนี้ของเราดี เราพยายามจะลืมภาพตรงนั้นให้ได้เราก็นอนคิดเราจะทำอะไรต่อ เราจะหาอะไรมาจำกัดความคิดตรงนี้ดี เพราะเราหลงคำว่าพระเอก ไปไหนก็แฟนคลับแห่มาชื่นชมชื่นชอบเรา"
"ตรงนี้แหละเรียกว่ายึดติดคำว่าเราเป็นดารา เราเป็นพระเอก เราคิดไว้ว่าเขาจะต้องรู้จักเราทุกคนแต่พอเขาไม่รู้จักเรา เคยเจอเวลาเราไปทำงานเหมือนคนเขาพูดว่าใครๆ ใครหรอ เราเดินผ่านมาเราได้ยินเขาเป็นใครไม่รู้จักพูดต่อหน้าให้เราได้ยิน แต่เราก็ทำตัวแบบว่าเราก็ไม่ได้สนใจ แต่ว่ามันเก็บเข้าอยู่ในหูที่เราได้ยินและก็ในความรู้สึกเราผมคิดว่าผมพลาดพลาดที่เราไปจมกับความคิดแบบนั้น"
"ละตัวตน" ไม่ยึดติดไม่ทุกข์
"ทุกอาชีพบางทีแบบว่าไม่ว่าอาชีพนักแสดง วันนึงมันถึงจุดเปลี่ยนจุดที่มันไม่ใช่แล้วมันตกลงแล้ว บางคนก็จะยอมรับไม่ได้เหมือนที่ตัวผมแรกๆ รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป อยากบอกทุกคนไว้ว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่กลับปัจจุบัน เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันแล้วก็พยายามหาอะไรปรับตัวเองให้มันอยู่ได้เพราะว่าผลสุดท้ายถ้าคุณคิดมากและคุณยังยึดติดอยู่กับภาพทรงจำตรงนั้นคุณก็จะไม่หลุดจากตรงนั้นมาแล้วคุณก็จะใช้ชีวิตลำบากมันก็จะเดินต่อไม่ได้"
"อยากให้คิดว่าคือทุกอย่างมันได้มามันก็ต้องหมดไป การเวลามันเปลี่ยนทุกอย่างมันก็เปลี่ยน ไม่อยากให้คิดว่า ฉันเป็นแบบนี้แล้วฉันจะต้องได้แบบนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ก่อนเรายังรับตัวเองไม่ได้จนถึงวันนี้เราๆ ยอมรับได้แล้ว ทุกวันนี้ผมรู้สึกว่าถ้าเราไม่ยึดติดตรงเราก็ใช้ชีวิตอยู่ได้ มันอยู่ที่ความคิดเราทั้งหมดเลยถ้าเราไม่เก็บมันมาคิดมันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครับ"